CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: “ความก้าวหน้าทางการศึกษายิ่งสูง อัตราการเกิดยิ่งต่ำ” แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ชี้วัดเสมอไป
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Opinion > “ความก้าวหน้าทางการศึกษายิ่งสูง อัตราการเกิดยิ่งต่ำ” แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ชี้วัดเสมอไป
Opinion

“ความก้าวหน้าทางการศึกษายิ่งสูง อัตราการเกิดยิ่งต่ำ” แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ชี้วัดเสมอไป

korlajeshop@gmail.com
Last updated: 2024/03/12 at 1:06 PM
[email protected] Published December 31, 2023
Share

ณ ทศวรรษ 2020 โลกที่พ้นโควิดไปก็ยังพบ “ความท้าทายทางนโยบาย” อีกมากมายของภาครัฐ แน่นอนเรื่องหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็คือเรื่องโลกร้อนทั้งหลาย แต่จริงๆ นั่นก็เป็นปัญหาที่เกิดจากการกดดันจากนานาชาติเป็นหลัก แต่ “ปัญหา” ที่เกิดในชาติส่วนใหญ่ในโลกที่แย่ลงทุกวันคือปัญหาสังคมผู้สูงอายุ

สังคมผู้สูงอายุเกิดขึ้นจากเหตุผลสองอย่าง อย่างแรกคือคนอายุยืนขึ้น อย่างที่สองคือเด็กเกิดน้อยลง แก้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง สังคมผู้สูงอายุจบลง

แน่นอน ไม่มีชาติไหนบ้าพอที่จะจงใจพยายามทำให้คนอายุสั้นลง ดังนั้นเค้าเลยมองว่ามันมีวิธีเดียวคือทำให้เด็กเกิดมากขึ้น และจริงๆ เราก็คงเคยได้ยินข่าวนโยบายลดแลกแจกแถมสวัสดิการต่างๆ เพื่อเป็น “รางวัล” ให้กับผู้หญิงที่มีลูกในหลายๆ ประเทศ

คำถามคือมันได้ผลมั้ย? คำตอบเร็วๆ คือไม่ได้ผลเลย และชาติหนึ่งที่เทเงินอย่างมหาศาลในการ “อัดฉีด” ให้คนมีลูกก็คือเกาหลีใต้ โดยเกาหลีใต้พยายามมาราว 20 ปี ขณะที่ประเทศกำลังรวย มีเงินมากมาย อัดเงินเข้าไปกระตุ้นให้คนมีลูกระดับบ้าบอ

..แต่สุดท้ายผลคือ อัตราการมีลูกของผู้หญิงก็ต่ำลง และผ่านมา 20 ปี เกาหลีใต้ก็กลายเป็นชาติที่ผู้หญิงมีลูกน้อยที่สุดในโลก ทั้งที่ทุ่มงบประมาณรัฐอย่างมหาศาล และนี่คือ “ความล้มเหลวทางนโยบาย” ระดับมหากาพย์ แทบจะเป็นด้านตรงข้ามกับ “นโยบายส่งออกศิลปะวัฒนาธรรม” ที่ทำในช่วงเดียวกันซึ่งกลายมาเป็น “ความสำเร็จทางนโยบาย” ระดับมหากาพย์

และก็ไม่มีใครเข็ด พวกสิงคโปร์ ญี่ปุ่นเห็นเกาหลีใต้ล้มเหลวก็ยังจะทำตาม และสุดท้ายก็ไม่มีใครกระตุ้นให้ผู้หญิงมีลูกได้ด้วยนโยบายตระกูล “แจกเงิน”
..ว่าแต่มันไม่เวิร์คจริงๆ เหรอ แล้วนโยบายไหนเวิร์ค

เอาจริงๆ พวกงานวิจัยมันจะบอกกันว่าพวกนโยบาย พวกนี้มัน “เวิร์คกับผู้หญิงบางกลุ่ม” เท่านั้น เช่น ถ้าผู้หญิงมีลูกคนนึงแล้ว นโยบายพวกนี้จะช่วยกระตุ้นให้มีลูกคนที่สองได้ แต่สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้มีลูกอยู่แล้ว มันไม่มีผลใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งนี่คือไอเดียแบบพวกยุโรปตะวันออก แต่โดยรวมๆ เค้าก็จะบอกว่าวิธีคิดแบบนี้มันกระตุ้นให้ผู้หญิงมีลูกได้ในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาว การมีลูกก็ลดลงอยู่ดี เค้าเลยไม่นิยมใช้เพราะนโบายแบบนี้มันเป็นภาระทางกลางคลังมาก กล่าวคือมัน “เปลืองเงิน” ของรัฐแบบสุดๆ

อย่างไรก็ดี มันก็มีอีกโมเดลอย่างโมเดลของสวีเดน ที่ไม่ได้เน้นเงินอัดฉีดให้คนมีลูก แต่ไปเน้นพวกสวัสดิการครอบครัว เช่น การให้แม่ลาคลอดได้นานๆ ให้พ่อลาไปช่วยแม่ดูลูก ไปจนถึงการมีสถานดูแลเด็กในเวลากลางวันในราคาย่อมเยาให้บริการ และนั่นก็ยังไม่ต้องนับพวก “สวัสดิการการศึกษา” สำหรับลูกที่โตมาได้เรียนหนังสือฟรีอีก

ทั้งหมดทำให้สวีเดนนั้น อัตราการเกิดไม่ลดลงแบบชาติอื่นๆ ที่เศรษฐกิจพัฒนาไปไกล และทำให้โมเดลของสวีเดนแทบจะเป็นโมเดลต้นแบบของพวกชาติเจริญแล้วที่อยากเพิ่มสวัสดิการผู้หญิงไปพร้อมๆ กับช่วยให้ผู้หญิงมีลูกมาขึ้นไปพร้อมกัน

อย่างไรก็ดี ปัญหาก็คือ แม้แต่สวีเดนเองที่ถือว่ามี “นโยบายที่ดีที่สุด” ก็ยังไม่สามารถจะพลิกให้ผู้หญิงในประเทศของตนมีลูกมากขึ้นได้

พูดง่ายๆ คือมัน “สิ้นหวัง” สุดๆ และไม่มีนโยบายไหนในโลกที่ใช้ๆ กันจะทำให้มนุษย์มีลูกมากขึ้นได้

..แต่อะไรคือสาเหตุ?
จริงๆ ถ้าไปดูพวกสถิติเทียบหลายๆ ประเทศ ภาพมันชัดมากว่าประเทศยิ่งร่ำรวยขึ้น ผู้หญิงยิ่งมีการศึกษามากขึ้น อัตราการเกิดจะน้อยลง

ซึ่งเอาจริงๆ สองอย่างมันเรื่องเดียวกัน เพราะประเทศที่จะพัฒนาเศรษฐกิจได้ ก็ต้องเปลี่ยนบทบาทของผู้หญิงจากแม่บ้านและแม่ มาเป็นแรงงานในตลาดแรงงาน ซึ่งแรงงานจะเพิ่มมูลค่าได้ ก็ต้องมีการศึกษาเพิ่มขึ้น และนี่ก็คือไอเดียพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์การพัฒนา

และจริงๆ ตลอดช่วงสงครามเย็นสิ่งที่เราจะเห็นก็คือการที่ชาติต่างๆ ให้การศึกษาผู้หญิงมากขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงเข้าร่วมกับตลาดแรงงานและระบบทุนนิยมแบบที่ผู้ชายเคยทำมาก่อน และมันก็ได้ผลจริงๆ ชาติต่างๆ มีรายได้มากขึ้น มีรายได้ต่อหัวมากขึ้น

แต่ “ผล” ที่ไม่มีใครคาดก็คือ ผู้หญิงที่มีการศึกษาสูง หน้าที่การงานดี ก็ต้องการจะมีลูกน้อยลง และเราไม่ได้พูดถึงคนรุ่นหลังๆ ที่เลือกจะโสดกันเยอะๆ แบบคน Gen Y สมัยนี้ เพราะจริงๆ ปรากฎการณ์มีลูกน้อยลงนี่ปรากฎมาตั้งแต่รุ่น Baby Boomer แล้ว และเหตุผลหลักๆ ที่มีลูกน้อยลงก็คือ ผู้หญิงต้องทำงาน และพอผู้หญิงทำงานมีเงินแล้ว มันก็ “ใช้เงิน” ทำสิ่งต่างๆ แทน “ใช้ลูก” ได้

กล่าวคือมันไม่ต้อง “มีลูกไว้ใช้” แบบคนรุ่นก่อนหน้าที่มีลูกกัน 5-6 คนเป็นปกติ แต่มันมีลูกไว้เพื่อให้ “ครอบครัวสมบูรณ์” ก็พอ ดังนั้นมีเพียง 1-2 คนก็พอแล้วถ้าคิดจะมี

หรือพูดง่ายๆ “การศึกษา” ได้เปลี่ยนผู้หญิงจากผู้ทำหน้าที่ผลิตซ้ำมนุษย์มาเป็น “แรงงาน” ให้กลายไปเป็น “แรงงาน” ในตลาดซะเอง และเป็น “แรงงาน” ที่มีประสิทธิภาพมากด้วย หรือพูดอีกแบบ การศึกษาทำให้ผู้หญิงหาเงินได้มากขึ้น และไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องมีลูกหลายๆ คนเพื่อให้ลูกๆ หาเงินมาเลี้ยงตัวเองแบบคนรุ่นก่อนๆ และภาวะนี้ “การมีลูก” มันก็เลยหมดสิ้นหน้าที่ทางเศรษฐกิจไป

และก็นี่เอง ผลของ “การศึกษา” อย่างถาวรกับโครงสร้างประชากรมนุษย์ เพราะผู้หญิงที่มีการศึกษาโดยทั่วๆ ไปไม่มีใครอยากมีลูกเกิน 2 คน และหลายๆ คนไม่อยากจะมีลูกด้วยซ้ำ ซึ่งนี่คือปรากฎการณ์ระดับสากลในแทบทุกชาติ ทำให้เหลือชาติที่ผู้หญิงยังมีลูกเยอะๆ เพียงแค่ชาติที่ไม่ยอมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือไปจนถึงทำงานเท่านั้น

ซึ่งก็แน่นอน อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจมีความคิดพิเรนทร์ว่า ถ้างั้นการหยุดให้ผู้หญิงเรียนหนังสือเยอะๆ หรือหยุดให้การศึกษาผู้หญิง มันอาจจะพลิกสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุได้หรือเปล่า?

ก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครบ้าพอจะเสนอนโยบายแบบนี้ แต่เราก็อาจจะยัง “โชคดี” ที่เรามีอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลีบันที่ทุกวันนี้ดูจะ “ไม่ให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ” กันแล้ว นี่เลยทำให้ “อัฟกานิสถาน” อาจบังเอิญเป็น “ห้องทดลองทางสังคม” ที่จะทำให้เราเห็นว่านโยบาย “ลดการศึกษาผู้หญิง” นั้นจะส่งผลให้คนมีลูกเพิ่มขึ้นหรือไม่? ซึ่งเราก็อาจต้องรอดูผลสักราว 10 ปีหลังจากนี้

เขียนโดย อนาธิป จักรกลานุวัตร

You Might Also Like

วัดกำลังอสังหาฯ ยามพบศึกหนัก แผ่นดินไหว vs สงครามการค้า บ้านแนวราบโต แต่ตลาดคอนโดตึกสูงสั่นคลอน

ไม่ใช่แค่แรงงานไทยมักง่าย แต่นายจ้างเกาหลีก็อยากได้ผีน้อย

ไม่เอาแอปจีน! รัฐเท็กซัสประกาศแบนทั้ง DeepSeek, RedNote, Lemon8 

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2568 คาดยอดจัดส่งรถยนต์ EV โต 17%

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
[email protected] December 31, 2023
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ‘ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ’ หมอนักธุรกิจติดปีก
Next Article ถ้าคุณมี New Year Resolution เป็นการเก็บเงินลองทำตาม 10 วิธีออมเงินพิชิตเป้าหมายใน 1 ปี จาก Make ดูสิ!
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?