ช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่ สำหรับบางคนที่เก็บวันลาไว้สิ้นปีก็อาจได้พักยาวที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีที่ได้มีช่วงให้หลบจากชีวิตการทำงานให้ได้ผ่อนคลายกันสักพัก นั่นอาจตามมาด้วยปัญหาประจำช่วงวันหยุดอย่าง “Post-Vacation Blues”
Post-Vacation Blues หรือ อาการเซื่องซึมหลังหยุดยาว คือภาวะที่สมองของเราปรับตัวไม่ทันกับความรู้สึกในช่วงวันหยุดที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และการกลับมาทำงานที่ต้องตั้งใจเต็ม 100% ทำให้เกิดอาหารซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ อ่อนเพลียง่าย และอาจกระทบถึงประสิทธิภาพการทำงานให้ลดลงด้วย กับบางคนจะเป็นแค่ช่วง 2-3 วันแรก แต่กับบางคนก็อาจซึมนานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
นั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะคาดหวังเมื่อกำลังจะได้หยุดยาว จึงมีความรู้สึกตื่นเต้น มีความสุขกับการไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงก่อนไป แต่ไม่ใช่หลังจากกลับมา
เคยมีการทดลงในปี 2010 ที่แบ่งพนักงานเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไปเที่ยวพักร้อน ส่วนอีกกลุ่มไม่ไป และได้มีการวัดระดับความสุขของทั้งสองกลุ่ม ก่อนและหลังไปเที่ยวพักร้อน พบว่ากลุ่มที่ไปเที่ยวพักร้อนมีค่าความสุขก่อนไปเที่ยวสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ไป แต่เมื่อวัดค่าความสุขหลังกลับมาพบว่าไม่ต่างกัน
ทำให้เห็นว่าการได้พักผ่อนช่วงหยุดยาวนั้นมอบความสุขช่วงสั้น ๆ ก่อน และจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อวันหยุดจบลง และกับบางคนก็ทำให้เกิดอาการเซื่องซึมหนักได้เลย อย่างที่รู้กันว่าบางอย่างถ้าได้มีแล้วต้องเสียไป สู้ไม่มีเลยเสียตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า
แต่เราไม่ได้กำลังจะบอกคุณว่าหยุดยาวเกินไปไม่ดีหรอกนะครับ ใคร ๆ ก็อยากได้วันหยุดเยอะ ๆ ทั้งนั้นแหละ และจริง ๆ แล้วอาการ Post-Vacation Blues ก็มีวิธีรับมือ ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องซึมหลังกลับมาทำงานจากช่วงวันหยุดด้วย
ลดภาระไว้ก่อน
จริง ๆ นี่อาจเป็นอย่างหนึ่งที่หลายคนมองข้ามเมื่อจะได้หยุดยาว นั่นคือการสะสางภาระต่าง ๆ ที่จะตามมาเล่นงานเราหลังวันหยุด เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับการพักผ่อน เลยคิดเอาไว้แค่ว่า “ไว้กลับมาค่อยทำก็ได้” และสุดท้ายต้องมาเหนื่อยกับมันทีหลัง และไม่ใช่แค่เรื่องงานเท่านั้น แต่รวมถึงงานบ้านด้วย เพราะถ้าใครใช้วันหยุดออกทริปหรือไปต่างจังหวัดยาว ๆ ล่ะก็ การทำงานบ้าน จัดบ้านให้เรียบร้อยไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนไปจะช่วยให้หลังกลับมาเรามีภาระต้องทำน้อยลง และไม่เหนื่อยไปกับการเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนไปทำงาน
มีวันพักให้ปรับตัว
ถึงจะบอกว่าการไปเที่ยวคือการพักผ่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อย เรามักใช้พลังงานไปกับการเดินทางท่องเที่ยว จนพอกลับมาบ้านทีก็แทบสลบไม่มีแรงทำอะไร แม้จะได้ฮีลใจ แต่ฮีลกายก็อีกเรื่อง ให้ลุกไปทำงานในวันถัดไปทั้งอย่างนั้น จะซึมก็ไม่แปลก เพราะฉะนั้นการมีวันพักให้ปรับตัวหลังไปเที่ยวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ให้ได้พักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ หรือสะสางงานบ้านส่วนที่เหลือ ก็จะช่วยให้คุณไม่เหนื่อยจนเกินไป
ไม่ต้องรอหยุดยาวก็พักผ่อนได้
หลายคนอาจทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานและรอพักผ่อนเต็มที่ในช่วงวันหยุด แต่จริง ๆ พวกเขาอาจลืมไปว่าเราสามารถมีความสุขกับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ในแต่ละสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องรอออกทริปก็ได้ การเติมแผนการแฮงก์เอาต์ชิล ๆ ในปฏิทินแต่ละสัปดาห์จะช่วยให้การกลับมาทำงานของเราไม่เครียดจนเกินไป และให้ความรู้สึกดีคล้ายกันกับตอนที่ตั้งตาเฝ้ารอวันหยุดยาวอีกด้วย โดยอาจเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ อย่างดูหนัง เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ตะลุยกินสตรีทฟู้ดส์ เท่านี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเฉาหน้าโต๊ะทำงานแล้ว
เก็บความทรงจำเอาไว้
อย่าปล่อยให้ความทรงจำและประสบการณ์ดี ๆ ช่วงหยุดยาวของคุณหายไปพร้อมกับความรู้สึกดี ๆ ช่วงนั้น พยายามถ่ายรูปเยอะ ๆ หรือจดบันทึกเรื่องราว เพื่อให้คุณย้อนมาดูแล้วยังนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นได้ และรู้สึกถึงคุณค่าของเวลาที่คุณได้ใช้ไปช่วงวันหยุด รู้ว่ามันจะไม่ใช่แค่วันเวลาที่ผ่านเลยไปและยังมีความหมายกับคุณเมื่อต้องกลับสู่ชีวิตประจำวัน ความทรงจำนี้จะยังเป็นแรงผลักดันให้คุณอยู่เสมอ
วางแผนทริปต่อไป
เมื่อความรู้สึกของการตั้งตารอมันทำให้เราสุขใจ ทำไมไม่วางแผนทริปต่อไปไว้เลยล่ะ เพื่อเป็นการรับมือกับความรู้สึกดี ๆ ของช่วงหยุดยาวนี้ที่กำลังจบลง ซึ่งคุณก็ไม่จำเป็นต้องรีบหรือวางแผนทุกอย่างไว้พร้อม เพราะกว่าจะถึงตอนนั้นคงอีกนาน แค่ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ หาไปเรื่อย ๆ ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก วิธีการเดินทาง เพียงเพื่อเตือนใจให้คุณรู้ว่ายังมีช่วงเวลาดี ๆ รอคุณอยู่จากนี้
แต่ทั้งนี้ ถ้าหากว่าคุณโดนพิษวันหยุดจนเกิด Post-vacation blue เรียบร้อยแล้วล่ะก็ลองแก้ไขมันด้วยวิธีเหล่านี้ดู
พูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว
การสื่อสารความรู้สึกหรือใช้เวลากับคนที่มีความหมายกับคุณ จะช่วยให้คุณรู้สึกกลับมาโฟกัสกับความรู้สึกและชีวิตของคุณได้อีกครั้ง ไม่ต่างกับปัญหาอื่น ๆ ในชีวิต ที่การได้คุยกับใครสักคนที่ห่วงใยคุณจริง ๆ จะช่วยคุณได้เสมอ
ใช้เวลากับธรรมชาติ
อาจดูธรรมดาแต่การใช้เวลานอกบ้านท่ามกลางธรรมชาติ หรือสวนสาธารณะบ้างช่วยลดความเครียดได้จริง ช่วยฟื้นฟูทั้งจิตใจและร่างกายของคุณให้ดีขึ้นได้ เมื่อร่างกายดี จิตใจดี คุณจะค่อย ๆ พร้อมเผชิญกับชีวิตจริงของคุณอีกครั้ง และอยู่กับมันได้อย่างที่เคย
จัดห้อง
แม้จะเพิ่งบอกไปว่าให้ลดภาระด้วยการทำงานบ้านไว้ก่อน แต่จริง ๆ แล้วการจัดห้องให้เป็นระเบียบ ปัดกวาดเช็ดถูเล็กน้อย ก็ช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายความเครียด และฝึกสมาธิได้ดีเหมือนกัน ตราบใดที่มันไม่หนักเกินไปจนทำคุณล้านะ
แทรกแซงกิจวัตร
การไปเที่ยวพักผ่อนช่วยฮีลใจเราได้ เพราะเราได้เจออะไรที่แตกต่างจากในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ได้ความรู้สึกนั้นอีกครั้ง คุณอาจลองทำอะไรใหม่ ๆ เพิ่มกิจวัตรที่แตกต่างจากเดิมลงไป เช่น แวะชมสินค้าในร้านที่ไม่เคยเข้า ใช้เวลาเรียนภาษาใหม่ ศึกษาการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ๆ ทำอะไรที่ต่างจากเดิม ถึงแม้จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ทุกอย่าง แต่เปลี่ยนได้บ้างก็คงช่วยสร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อยเลย
ฝึกสติและชื่นชมชีวิต
นอกจากการหลีกหนีจากความเป็นจริง การไตร่ตรองและชื่นชมชีวิตของคุณ คือวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณอยู่กับความเป็นจริง และเข้าใจปัจจุบันได้ดีขึ้น เมื่อรู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้างจึงได้ใช้ชีวิตอย่างในทุกวันนี้ อาจพอช่วยให้คุณเห็นความสวยงาม และผลลัพธ์ของความพยายามในทุกวันของคุณ การกลับไปลุยงานต่อเพื่อให้ยังสามารถใช้ชีวิตได้ดี มีคุณภาพก็อาจไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
นี่เป็นเพียงแค่แนวทางการรับมือคร่าว ๆ ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องทนทุกข์กับ Post-Vacation Blues ซึ่งจริง ๆ แล้วแต่ละวิธีได้ผลมากน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย แต่สุดท้ายนี้ การที่พวกเรายังผ่านชีวิตที่วุ่นวายมาได้อีกปีก็นับว่าเก่งมาก ๆ แล้ว และขอให้ปีนี้ของทุกคนเป็นปีที่ดีกว่าเดิม สวัสดีปีใหม่ครับ