เป็นที่รู้โดยทั่วกันแล้วว่า “การท่องเที่ยว” กับ “Covid-19” ไม่สามารถจับมือเป็นพันธมิตรกันได้ถ้าหากว่ายังไม่มีวัคซีน การแพร่ระบาดของโรคในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายกับระบบการท่องเที่ยวของไทยไปไม่น้อยเลย เพราะ โรคนี้มีการติดต่อกันได้ง่ายจึงจำเป็นที่จะต้องกักตัวและรวมไปถึง Social Distancing ส่งผลให้การเดินทางและการท่องเที่ยวนั้นหยุดชะงักแบบไม่ทันตั้งตัว รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยก็เช่นกัน
โดยเรื่องนี้ส่งผลกระทบโดยตรงให้กับ “ธุรกิจโรงแรม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะธุรกิจกลุ่มนี้นั้นถือว่าเป็นหัวใจหลักที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยวโดยตรง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มองเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะชะลอตัวลงแล้วจึงได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ”เที่ยวปันสุข” โดยการออกคูปองลดค่าที่พัก 40-50% หรือสูงสุด 3,000 บาทต่อคืน โดยให้รัฐบาลอุดหนุนส่วนต่างดังกล่าวให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนั้นผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นเป๋าตุงยังได้รับเงินอีก 600 บาทต่อวัน เพื่อนำไปใช้จ่ายทั้งในโรงแรมและนอกโรงแรมอีกด้วย มาตรการนี้มีผลเป็นเวลา 4 เดือนนี้ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.2563 วงเงินกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท
จากมาตรการดังกล่าวจึงคาดการณ์ว่าเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มโรงแรม สายการบิน และท่าอากาศยานไทยที่มีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น CENTEL, MINT, AOT, AAV, และ NOK เป็นต้น จากการสำรวจของ SCBS พบว่า ERW น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศ 90% ของรายได้รวม และมีสัดส่วนรายได้ค่าห้องพักจากนักท่องเที่ยวไทย 20% ของรายได้ค่าห้องพัก ขณะที่ AWC มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไทย 60% และมีสัดส่วนรายได้ค่าห้องพักจากนักท่องเที่ยวไทย 4%, CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไทย 32% และมีสัดส่วนรายได้ค่าห้องพักจากนักท่องเที่ยวไทย 18% และ MINT มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไทย 9% และมีสัดส่วนรายได้ค่าห้องพักจากนักท่องเที่ยวไทย 11% อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิม ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศที่ยังคงรุนแรง
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/economic/780409
#CISThai
Line Official: https://lin.ee/jO65rNq
Website : https://connectthedotsth.com/
FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace