เกิดเป็นประเด็นโต้เถียงในวงการช่างภาพ เมื่อมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประกาศรับสมัครช่างภาพจิตอาสา ช่วยงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มสธ. เพื่อถ่ายภาพให้กับบัณฑิตที่ไม่มีกล้องหรือคนช่วยถ่ายภาพให้ แม้จะดูเป็นไอเดียที่ดีแต่กลับได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากช่างภาพจำนวนมากถึงความมักง่ายและเอาเปรียบของมหาวิทยาลัย
ในโพสต์ระบุไว้ว่าช่างภาพจิตอาสาจะต้องนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ทำงาน และส่งมอบไฟล์ภาพโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย สิ่งที่ได้ตอบแทนคือ เสื้อทีมช่างภาพจิตอาสา อาหารกลางวันและเครื่องดื่ม ประกาศนียบัตรจิตอาสา และ “โอกาสในการสร้างความทรงจำที่มีค่าให้กับบัณฑิต”
แม้จะดูเป็นการทำสิ่งดี ๆ เพื่อช่วยเหลือบัณฑิต แต่ช่างภาพจำนวนมากมองว่ามหาวิทยาลัยกำลังขอแรงงานฟรีโดยไม่เห็นคุณค่าของวิชาชีพ โดยใช้คำว่า “จิตอาสา” มาอ้างเท่านั้น
อย่างที่รู้กันว่าช่างภาพกับงานรับปริญญาที่ของคู่กัน ซึ่งเป็นงานที่ช่างภาพต้องทุ่มเวลาและความสามารถ พร้อมทั้งอุปกรณ์ที่ดีเพื่อส่งมอบงานที่มีคุณภาพ ทำให้ปกติแล้วค่าตัวงานรับปริญญาของช่างภาพจะเริ่มตั้งแต่วันละหลายพันยันหลักหมื่น การมาขอให้ไปทำฟรีโดยที่อุปกรณ์ก็ไม่มีให้ อาจเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ขอมากเกินไปหน่อย
จริงอยู่ที่บัณฑิตบางคนอาจไม่มีทุนจ้างช่างภาพแพง ๆ แต่พูดตามตรงการถ่ายรูปวันรับปริญญาจะเรียกว่าเป็น “บริการฟุ่มเฟือย” ก็ไม่ผิด นั่นทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกได้ตามงบ หรือถ้าจ้างไม่ได้จริง ๆ แค่กล้องมือถือก็นับว่าเพียงพอแล้ว (งานรับปริญญาแอดก็ใช้แค่กล้องมือถือถ่าย งานรับปริญญาน้องสาว แอดก็ใช้มือถือแอดถ่ายให้เอง ไม่ได้จ้างช่างภาพเลย)
ประเด็นหนึ่งที่แย้งกันอยู่ก็คือ คำว่า จิตอาสา นี่แหละ หลายคนมองว่า เมื่อมันเป็นจิตอาสาก็แล้วแต่คนสมัครใจ ใครไม่สะดวกทำฟรีก็ไม่ต้องมา เขาไม่ได้บังคับ ไม่ได้กระทบกับคนที่รับงานเป็นอาชีพอยู่แล้ว
จะพูดว่าไม่กระทบก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะถึงมันจะไม่ได้กระทบทุกคนที่ทำเป็นอาชีพ แต่ถ้ามันเป็นงานที่มีคนทำเป็นอาชีพแล้วดันมีคนมาทำฟรี มันกระทบอยู่แล้ว แค่กระทบมากหรือน้อย แม้สุดท้ายแล้วเรื่องคุณภาพอาจจะต่างกัน แต่คนที่ไม่ได้สนขนาดนั้นมันก็มี ลองคิดเล่น ๆ ว่าเดินไปเจอร้านขายน้ำแร่กับซุ้มแจกน้ำเปล่าฟรี คุณจะเลือกอะไร?
แต่ปัญหาจริง ๆ มันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ที่วิธีคิดของคนที่ทำโครงการนี้มากกว่า ว่าถ้าต้องการช่วยใครแทนที่จะออกทุนช่วยเอง ก็หาคนมาทำฟรีให้แล้วกัน และถ้าใช้แนวคิดแบบนี้เกือบเรื่องอื่นด้วยมันอาจกลายเป็นว่า ต้องรับช่างแต่งหน้าอาสาด้วยไหม เผื่อบัณฑิตแต่งหน้าไม่เป็น หรืออย่างชุดครุยล่ะ เปิดรับร้านอาสาให้ยืมชุดฟรีไหม เผื่อบัณฑิตไม่มีเงินเช่า
หากมหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญของการถ่ายรูปรับปริญญา ต้องการมองโอกาสนี้ให้บัณฑิตเข้าถึงได้จริง ๆ มันมีวิธีที่แฟร์กับทุกคนมากกว่า อย่างการออกงบจ้างทีมช่างภาพมาให้บริการแก่บัณฑิต แบบนี้ก็น่าจะเป็นการสนับสนุนอาชีพของช่างภาพและมอบโอกาสให้บัณฑิตไปด้วยในตัว
ถึงตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่ามีผู้สมัครเป็นช่างภาพจิตอาสาจนครบจำนวนแล้ว และได้ลบโพสต์รับสมัครเป็นที่เรียบร้อย แสดงให้เห็นว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก