ปัญหาผีน้อยกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อล่าสุดมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์หนุ่มชาวเกาหลีใต้เปิดรับโดเนตทำคอนเทนต์ล่อซื้อผีน้อยไทย แจ้งตม. มาจับส่งกลับประเทศ เกิดที่ถกเถียงในสังคม คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนไทยก็เห็นด้วยและชื่นชม แต่บางส่วนก็ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของวิธีการที่ครีเอเตอร์คนดังกล่าวเลือกใช้
ทั้งนี้สิ่งที่เป็นปัญหาจริง ๆ ในเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นการมีอยู่ของผีน้อยหรือชาวไทยที่เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมายนี่แหละ แต่สาเหตุที่ผีน้อยไทยในเกาหลีใต้ยังมีอยู่มากไม่ใช่แค่เพราะความมักง่ายของคนไทยบางกลุ่มที่ต้องการไปทำงานโดยไม่ใช้วีซ่าหรือโควต้าที่ทางรัฐบาลจัดให้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความต้องการแรงงานของนายจ้างในเกาหลีใต้ด้วย
เกาหลีก็เป็นประเทศหนึ่งที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ทำให้เกิดปัญหาคล้ายกันกับประเทศสังคมผุ้สูงอายุประเทศอื่นอย่างการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทางรัฐบาลเกาหลีก็หาทางรับมือด้วยระบบ Employer Permit System (EPS) นำเข้าแรงงานจากต่างประเทศเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย
แต่ปัญหาคือระบบมันไม่ได้เอื้อให้มีการนำเข้าแรงงานเพียงพอต่ออุปสงค์ของตลาดแรงงานในประเทศ เพราะมีโควตาจำกัดและยังมีเงื่อนไขเคร่งครัดที่ปิดโอกาสแรงงานจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์เรื่องอายุ ตั้งแต่ 18-39 ปี ซึ่งใครอายุเกินก็หมดสิทธิ์ อีกทั้งเรื่องการทดสอบภาษา ทั้งที่แรงงานส่วนใหญ่ที่จำเป็นต้องไปหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เกาหลีไม่เคยมีโอกาสมากพอจะได้เรียนภาษาเกาหลีด้วยซ้ำ ค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ได้ จะให้เอาเงินที่ไหนไปเรียน
จำนวนโควตาแรงงานในระบบก็เป็นปัญหาสำคัญ เพราะแม้ทางเกาหลีใต้จะขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก แต่กลับให้โควตาแรงงานเพียง 1.3 แสนอัตราในปี 2568 และสำหรับประเทศไทย ปี 2567 ได้โควตาแค่ 8,881 อัตราเท่านั้น ทำให้แม้จะสมัครอย่างถูกต้องและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็อาจต้องรออยู่ Wait List ร่วมกับผู้สมัครอีกหลายพันคนเพื่อรอให้นายจ้างมาสุ่มเลือกไป
ไม่ใช่แค่โควตาสำหรับแรงงานที่เป็นปัญหา โควตาภาคธุรกิจเองก็เป็นปัญหา เพราะแต่ละที่จะมีการกำหนดเพดานเอาไว้ว่าสามารถจ้างแรงงานต่างชาติตามกฎหมายได้จำนวนเท่าไร ซึ่งโดยทั่วไปเป็นตัวเลขที่น้อยมาก ๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ นายจ้างบางส่วนจึงจำเป็นต้องรับผีน้อยมาทำงาน เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ อุปสงค์มี (จากเกาหลี) อุปทานมี (จากไทย) วงจรนี้ก็หมุนต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่และไม่มีทางเป็นข้ออ้างให้เหล่าผีน้อยชาวไทยไปเชิดหน้าชูตาในเกาหลีใต้ได้อย่างออกหน้าออกตาว่าฉันสู้ชีวิต ฉันมาทำมาหากิน เพราะในขณะที่อีกหลายล้านคนต้องทำมาหากินและเผชิญความยากลำบากไม่ต่างกัน พวกเขากลับไม่ได้ใช้วิธีที่มักง่ายและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นแบบนี้