ฮาโลวีน นับเป็นหนึ่งในเทศกาลยอดนิยมที่สุดในโลก มีกิจกรรมเด่นอย่าง “หลอกหรือเลี้ยง (Trick or Treat)” ซึ่งเด็กๆ จะพากันแต่งตัวแฟนซีหรือแต่งเป็นผีไปเคาะประตูขอขนมตามบ้าน และแน่นอนว่าสิ่งที่ฮาโลวีนจะขาดไม่ได้เลยคือโคมไฟฟักทองแกะสลักหน้าผี ที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของฮาโลวีน แต่แรกเริ่มเดิมทีทำตะเกียงฮาโลวีนไม่ได้ทำมาจากฟักทองครับ แต่เป็นหัวผักกาดเทอร์นิพ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเอาผักมาแกะสลักเป็นโคมไฟ ต้องย้อนไปในตำนานเก่าแก่ของชาวไอรีช ต้นกำเนิดของ แจ็ค โอ แลนเทิร์น (Jack O’ Lantern)
Jack O’ Lantern
ในตำนานเล่าว่ามีชายชื่อแจ็ค เป็นคนขี้เหนียวมาก จึงเรียกกันว่า สติงกี้แจ็ค (Stingy Jack) ครั้งหนึ่งเขาเชิญซาตานมาดื่มด้วยกัน แต่เขาก็ขี้เหนียวสมชื่อ ไม่อยากจ่ายค่าเครื่องดื่ม จึงได้บอกให้ซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญให้เขานำไปจ่าย แต่พอซาตานทำตาม แจ็คกลับเก็บเหรียญเอาไว้ในกระเป๋าที่มีกางเขนเงิน ไม่ให้ซาตานคืนร่างได้ ซึ่งสุดท้ายแจ็คได้ตกลงกับซาตานว่าจะปล่อยซาตานไป แต่เมื่อเขาตาย ซาตานจะต้องไปมาเอาวิญญาณเขาไป
เมื่อแจ็คตาย พระเจ้าไม่ยอมให้แจ็คขึ้นสวรรค์เพราะทำบาปมามาก และซาตานเองก็ไม่พอใจที่เคยโดนแจ็คหลอก ไม่ยอมให้เข้านรกอีกเช่นกัน สุดท้ายก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนในความมืด มีเพียงก้อนถ่านที่ลุกไหม้ให้แสงสว่าง ซึ่งแจ็คก็ได้นำถ่านใส่ไว้ในหัวผักกาดแกะสลักเป็นตะเกียง และเที่ยวหลอกหลอนคนไปทั่วตั้งแต่นั้น กลายเป็นที่มาของชื่อ แจ็ค ออฟ เดอะ แลนเทิร์น (Jack of the Lantern) ในศตวรรษที่19 และเรียกกันสั้น ๆ ว่า แจ็ค โอ แลนเทิร์น
ชาวไอร์แลนจึงได้ทำตะเกียงจากหัวผักกาดหรือมันฝรั่งแกะสลักเป็นหน้าผี วางไว้ที่ประตูหรือหน้าต่างเพื่อไล่แจ็คและวิญญาณชั่วร้ายอื่นๆ และเมื่อชาวยุโรปอพยพมาที่สหรัฐ พวกเขาก็นำเอาวัฒนธรรมนี้มาด้วย และพบกับฟักทองอเมริกัน ทีมีขนาดใหญ่ เปลือกหนา ข้างในกลวง เหมาะกับการทำตะเกียงมากกว่า จึงได้เปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน
ความคลั่งฟักทองของอเมริกัน
เมื่อฟักทองกลายเป็นส่วนสำคัญของเทศกาล แน่นอนว่าเกษตรกรผู้ปลูกและขายฟักทองย่อมได้รับผลดีตามไปด้วย จากยอดการใช้จ่ายของชาวอเมริกันกว่า 12.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงฮาโลวีน กว่า 3.9 พันล้าน หรือ 1 ใน 4 ใช้ไปกับการตกแต่ง ซึ่งรวมถึงฟักทองด้วย มี 46% ของครัวเรือนอเมริกันที่แกะสลักฟักทองในช่วงนี้
ความนิยมของฟักทองยังทำให้เกิด การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agritourism) ซึ่งสวนฟักทองเป็นที่นิยมมาก นอกจากเกษตรกรจะทำรายได้จากการขายฟักทองแล้ว ยังสร้างรายได้จากกิจกรรมอื่น ๆ ในฟาร์มที่ให้นักท่องเที่ยวทำ ทั้งขับแทร็กเตอร์ ให้อาหารสัตว์ ทำอาหาร แกะสลัก ฯลฯ ในขณะที่ราคาฟักทองทั่วไปขายกันตั้งแต่ 4-8 ดอลลาร์ ครอบครัวที่มาเที่ยวเชิงเกษตรใช้จ่ายกันอย่างน้อย 20-40 ดอลลาร์ ถ้านับแขกหลักพันตลาดช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็อาจมีรายได้เป็นแสนดอลลาร์ในช่วงเดือนตุลาคม
ความนิยมฟักทองที่สูงมากก็ทำให้ในหนึ่งปีสหรัฐผลิตฟักทองกว่า 1.4 พันล้านปอนด์ ทั้งสำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและขายในร้านค้า โดยทั่วไปเกษตรกรปลูกฟักทองด้วยเนื้อที่ตั้งแต่ 2-40 เอเคอร์ ได้กำไรต่อเอเคอร์ราว 1,500-6,000 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าขายส่งพวกเขาจะทำกำไร 0.07-0.1 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แต่ถ้าขายให้กับลูกค้าโดยตรงจะได้อย่างน้อย 0.5 ดอลลาร์ต่อปอนด์เลย สวนฟักทองส่วนใหญ่ได้กำไรสุทธิตั้งแต่ 12,000-24,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ฟักทองยังต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท แต่ที่นิยมมากคือ พัมพ์คินสไปซ์ (Pumpkin Spice) เครื่องเทศผสมที่นิยมใช้ทำพายฟักทอง และสามารถนำไปปรุงขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มได้หลากหลายประเภท ซึ่ง ผลิตภัณฑ์จำพวกพัมพ์คินสไปซ์ ทำยอดขายในอเมริกาได้กว่าปีละ 500 ล้านดอลลาร์ และในปี 2023 ที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดโลกกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์เลย
ในภาพรวมแล้ว ฟักทองอาจไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของฮาโลวีน แต่ด้วยมูลค่า ยังทำให้จัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของอเมริกาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ของดีที่จุดประกายด้วยตำนานหลอนของแจ็ค โอ แลนเทิร์น