กลายเป็นแมตช์หยุดโลกของจริง เมื่อทั้งทีมชาติอังกฤษและสเปนคือสองทีมสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 หรือ Euro 2024 ซึ่งสเปนก็เอาชนะไป 2-1 ในช่วงเดียวกันนี้ก็ดันมีคอนเทนต์สุดปั่นที่ไวรัลทั่วโลก นั่นคือการสัมภาษณ์ที่ถามผู้ชายว่า “English or Spanish?” ถ้าตอบภาษาไหนมา คนถามก็จะพูดต่อในภาษานั้นว่า “ใครขยับก่อนเป็นเกย์” แล้วทุกคนก็พากันหยุดนิ่งไปหมด ทำให้เมื่อมีการเปรียบเทียบสองชาตินี้ขึ้นมาเมื่อไร ก็กลายเป็นมีมขำ ๆ กันไป ที่ใคร ๆ ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวทันที
แต่นอกจากฟุตบอลและมีมสุดไวรัลนี้ ทั้งอังกฤษและสเปนยังต้องถูกเปรียบเทียบและวัดกันเรื่องอะไรอีกบ้าง
ฟุตบอล
ในแง่ของผลงานคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเราได้เห็นกันไปแล้วในยูโร 2024 รอบชิง แต่ในแง่ของรายได้ลีกใหญ่จากทั้งสองประเทศอย่าง พรีเมียร์ลีก (Premier League) และ ลาลีกา (LaLiga) ก็วัดกันได้อย่างเป็นรูปธรรม
รายงานรายได้ประจำปีของพรีเมียร์ลีกระบุว่า ในฤดูกาล 2022/23 ลีกทำรายได้รวมสูงทะลุ 6.9 พันล้านยูโร หรือกว่า 2.8 แสนล้านบาท เติบโต 14% คิดเป็นรายได้จากค่าถ่ายทอดสดมากที่สุด 3.7 พันล้านยูโร ค่าบัตรในวันแข่งได้ 997 ล้านยูโร จากสปอนเซอร์และค่าโฆษณา 2.2 พันล้านยูโร รายได้เฉลี่ยต่อทีม 348 ล้านยูโร
ส่วนรายได้ของลาลีกาสูง 3.5 พันล้านยูโร หรือกว่า 1.3 แสนล้านบาท เป็นรายได้จากค่าถ่ายทอดสด 1.7 พันล้านยูโร รายได้จากค่าบัตร 539 ล้านยูโร และรายได้จากสปอนเซอร์และโฆษณา 1.2 พันล้านยูโร รายได้เฉลี่ยต่อทีม 177 ล้านยูโร
ภาษา
อังกฤษและสเปนต่างก็เคยเป็นเจ้าอาณานิยม นั่นทำให้ภาษาของทั้งสองประเทศถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลกคือภาษาอังกฤษ ที่ใช้กันกว่า 1.4 พันล้านคน ส่วนภาษาสเปนอยู่ที่อันดับที่สี่ มีคนพูดกว่า 548 ล้านคน แต่ถ้าไปวัดกันในแถบอาณานิคมเดิมของสเปนอย่างอเมริกาใต้ แน่นอนว่าภาษาสเปนคืออันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย และเหตุผลที่คอนเทนต์สัมภาษณ์ไวรัลให้เลือกระหว่างภาษาอังกฤษหรือสเปน ก็เป็นเพราะน่าจะเป็นคอนเทนต์จากสหรัฐอเมริกา ที่ผู้คนทั่วไปพูดกันได้ทั้งสองภาษา ซึ่งอิทธิพลด้านภาษาก็ยังส่งผลไปถึงเรื่องการค้าและเศรษฐกิจด้วย
ชิงอำนาจในท้องทะเล
ย้อนกลับไปราว 500 ปีก่อน สมัยยุคล่าอาณานิคมอังกฤษกับสเปนมีความสัมพันธ์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกันบ่อย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยลงรอยกัน มีสาเหตุสำคัญจากเรื่องศาสนา การเมือง รวมถึงอำนาจการค้าทางทะเล ซึ่งเดิมทีแล้วสเปนถือเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล ล่องไปทั่วน่านน้ำแถบแปซิฟิกเหนือ ค้นพบอเมริกาและเข้าถึงทรัพยากรมหาศาล ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 อังกฤษเองก็เริ่มต้องการแย่งชิงอำนาจทางทะเล จึงเกิดสงครามกับสเปนหลายครั้ง ที่โด่งดังคือ Anglo-Spanish War ในปี 1585-1604 ซึ่งจบลงด้วยสนธิสัญญาลอนดอนเพื่อการสงบศึก หลังหนี้บานกันทั้งคู่
หลังจากนั้นก็ยังมีความขัดแย้งและสงครามอีกหลายครั้ง แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันก็เป็นคู่ค้าสำคัญระหว่างกัน และยังเป็นสมาชิกร่วมกันในหลายองค์กร ทั้ง NATO, WTO, OECD และรวมถึงเคยร่วมกันใน EU ก่อนจะเกิด Brexit ในปี 2016 ด้วย
เศรษฐกิจ
ในอดีตเคยยิ่งใหญ่แค่ไหนไม่สำคัญ เพราะปัจจุบันเขาคุยกันด้วยเงิน อังกฤษเอาชนะสเปนได้อย่างขาดลอย แม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งคู่ แต่สหราชอาณาจักรมี GDP สูงเป็นอันดับที่หกของโลก มูลค่ากว่า 3.34 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่สเปนอยู่ในอันดับ 15 GDP 1.58 ล้านล้านดอลลาร์ โดยอุตสาหกรรมภาคบริการถือเป็นอันดับหนึ่งในทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมาอังกฤษเติบโตได้อย่างก้าวกระโดจากการเป็นผู้นำยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ในขณะที่สเปนเสื่อมอำนาจลงเรื่อยมาหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศก็มีเสน่ห์และความโดดเด่นแตกต่างกัน แต่ถึงอยากนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในเวทีโลก เราเห็นบทบาทของอังกฤษมากกว่าจริง ๆ แม้จะแพ้ในฟุตบอลยูโรก็ตาม