เมื่อเร็ว ๆ นี้ สโมสรฟุตบอล Ajax ได้ประกาศว่าจะนำโลโก้สโมสรดีไซน์คลาสสิกที่เคยใช้ในช่วง 1928-1991 กลับมาใช้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป เพื่อฉลองการครบรอบ 125 ปีของสโมสร โดย เมนโน จีเลน (Menno Geelen) CEO กล่าวว่า “เราทราบดีว่าแฟน ๆ ส่วนใหญ่ต้องการสิ่งนี้มาหลายปีแล้ว” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นที่ยินดีสำหรับแฟนสโมสรอย่างมาก และอาจนำไปสู่เทรนด์การเปลี่ยนแปลงสำหรับสโมสรอื่น ๆ ด้วย
แต่อะไรคือเหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้สโมสรฟตุบอลจะตัดสินใจเปลี่ยนดีไซน์โลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ของทีมในแต่ละครั้ง?
โลโก้ที่อยู่บนเสื้อของนักฟุตบอลนั้นมีความสำคัญมากกว่าแค่สัญลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจของทีม แต่ในโลกทุนนิยมที่เราทุกคนอาศัยอยู่ นี่คือสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล เพราะมันจะถูกแปะอยู่บนสื่อทุกช่องทางและสินค้าทุกอย่างของทีม ซึ่งยิ่งคนรับรู้และจดจำโลโก้นั้นได้ดีเท่าไร ทีมก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นในแง่ของมูลค่า
แต่เมื่อยุคสมัยผ่านพ้นไป เทรนด์ใหม่ ๆ ในโลกทุนนิยมได้หล่อหลอมให้ผู้คนมีการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไปด้วย สโมสรฟุตบอลเองก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงนั้น หากดีไซน์ของพวกเขาเริ่มถูกมองว่าล้าหลังหรือเชย ก็อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน เพื่อยังทำให้แฟน ๆ ในแต่ละยุคมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับทีมอยู่นั่นเอง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายสโมสรพากันเปลี่ยนมาใช้โลโก้ที่ดูเรียบง่ายมากขึ้น ที่ไปสุดทางมาก ๆ ทีมหนึ่งก็คงเป็น Juventus ซึ่งในปัจจุบันเหลือแค่ตัว J ในโลโก้
ในทางกลับกัน ความทันสมัยก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ตอบโจทย์การตลาด เพราะความคลาสสิกเองก็ให้ความรู้สึกคิดถึงวันวานที่ห่างหาย ซึ่งอาจได้ผลดีกับแฟน ๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่ยุคก่อน ๆ หรือแฟน ๆ รุ่นใหม่ที่อินกับประวัติศาสตร์ของทีม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บางทีมได้มีการนำโลโก้เก่ากลับมาใช้อีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบกี่ปีก็ว่าไป แบบที่ Ajax ทำในตอนนี้ และจริง ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ หนึ่งในทีมดังนำโลโก้เก่ากลับมาใช้ก็คือ Liverpool ในปี 2012 ตอนที่เซ็นสัญญากับแบรนด์ Warrior ชุดแข่งของทีมได้กลับไปใช้โลโก้นกและตัวอักษร “L.F.C.” คล้ายกับแบบที่เคยใช้ในยุค 70s
ในแต่ละครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของแต่ละทีม ก็จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบมาก ๆ ในช่วงแรก แต่หลาย ๆ ครั้งผลที่ได้ก็ยังคงเป็นรายได้มหาศาลจากการขายสินค้าของทีมด้วยโลโก้ใหม่(หรือเก่าที่ถูกใช้ใหม่)
ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแล้วดีเสมอไป โลโก้มีความสำคัญต่อทีมและแฟน ๆ อย่างมาก การเปลี่ยนแปลงจึงนับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน กรณีที่เปลี่ยนแล้วพังก็เคยมีให้เห็น Everton ได้ตัดสินใจดีไซน์โลโก้ใหม่ให้เรียบง่ายมากขึ้นไปปี 2013 ซึ่งในตอนนั้นแฟน ๆ ไม่ถูกใจเอาเสียเลย เพราะมีการตัดคำขวัญภาษาละติน “Nil Satis Nisi Optimum” และ รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับหอคอย Prince Rupert’s Tower อันเป็นเอกลักษณ์ออกไป จึงถูกแฟน ๆ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จนในที่สุดปี 2014 สโมสรก็ต้องเปิดให้แฟน ๆ มีส่วนร่วมในการออกแบบโลโก้ และนำองค์ประกอบเดิมบางส่วนกลับมาใช้