#มาเก็ทThought ถอดความคิดให้เก็ททุกไอเดียเบื้องหลัง
.
การเลือกตั้งที่ผ่านมา จบลงด้วยชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ ของพรรคก้าวไกลที่มีชัยเหนือพรรคเพื่อไทย กวาดส.ส.ไปมากถึง 151 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากนโยบายที่โดนใจ กลุ่มผู้นำพรรคที่มอบความหวังให้กับประเทศไทยแล้ว ก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญกับการสื่อการตลาดทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์
.
การเกิดขึ้นของ “หัวคะแนนธรรมชาติ” ที่ถ้าหากคุณไถฟีดส์ TikTok เพียงไม่ถึง 5 นาทีรู้ตัวอีกที “ก้าวไกลก็อาาจะล้อมคุณไว้หมดแล้ว” รวมไปถึงวัฒนกรรมการจัดการแบบแฟนด้อมของศิลปินเกาหลีก็ถูกนำมาใช้ในการสร้างความนิยม หรือแม้กระทั่งแฟนเซอร์วิสของ “ทิม พิธา” ที่ไม่ต่างจากป๊อปไอคอน กับลูกอ้อน “พ่อก็รักส้มนะ”
.
วันนี้เลยขออนุญาตหยิบบางกลยุทธ์การตลาดการเมือง ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเอามานำเสนอ
.
1. การที่ให้ผู้สมัครยืนส.ส.ส่งคนไปทำงานทุกเช้า และตั้งแถวรอรับกลับจากที่ทำงานทุกเย็น ผมคุยกับเพื่อนผู้สมัครก้าวไกลว่าเป็นกลยุทธ์ที่ผมชอบที่สุด เพราะมันแสดงความใส่ใจ เรียบง่าย และสม่ำเสมอ คือจุดประสงค์หลักๆไม่ได้ต้องการให้คนฟังที่ปราศรัยขณะนั้นเป็นหลักแต่ไป’ยืนให้เห็น’ และการไปให้เห็นนี้แหล่ะถึงทำให้เกิดภาพส.ส.ติดพื้นที่ ซึ่งภาพเอามาใช้ต่อในออนไลน์ได้ ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวแม่กลองเจอผู้สมัครยืนส่งคนตรงแยกวัดบ้านแหลมประทับใจ เข้าใจว่ามีแบบจากญี่ปุ่นที่มักจะไปยืนส่งตรงสถานีรถไฟ แอบเห็นว่าเพื่อไทยเริ่มทำตามแล้วในช่วงสุดท้าย แต่พอเป็นผู้ตามการทำแบบนั้นก็ไม่สามารถทดแทนภาพจำของต้นตำรับไปได้
.
2.การสร้าง’เผ่า’ (Tribe Marketing) รุ่นพี่ในวงการสื่อที่มีประสบการณ์กว่า 20ปี บอกผมว่าการเมืองเชิงอัตลักษณ์แบบก้าวไกล สิ่งสำคัญที่สุดคือกระบวนการการสร้างเผ่าว่าเราจะมีอะไรตรงกัน เช่น เราจะสนับสนุนคนนี้ เราจะโพสต์แบบนี้ การจัดการแบบแฟนด้อมเกาหลี และกลุ่มพวกนี้จะทำงานแฟนเมด หรือ Fan art ส่งต่อและชักชวนคนรอบข้างๆให้มาร่วมเผ่า หรือคำที่เรียกว่า’หัวคะแนนธรรมชาติ’ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลปราศรัยที่สามย่านมิตรทาวน์ว่า “ถ้าหากบ้านของคุณมี 5 คน ให้ชักชวนคนมาอีก5คนเป็น 10 คนเพื่อมาสนับสนุนเรา”
.
3.เซลส์แมนเก่งเพราะโปรดักส์ชัด อันนี้ย้อนกลับไปสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดคือถ้าโปรดักส์คุณชัดเจนการสื่อสารเป็นเรือ่งง่าย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร หนึ่งในแกนนำของพรรคเคยพูดในเวทีดีเบตว่า “ก้าวไกลส่งใครไปดีเบตก็ได้เพราะโปรดักส์เราชัด เซลส์กี่คนก็พูดเหมือนกัน” มันทำให้เกิดสตาร์มากมายที่มาจากการดีเบต ซึ่งถ้าขยายผลคือแม้กระทั่งปราศรัยโค้งสุดท้ายที่จัดแบบคาราวานดาวกระจายทั่วประเทศ ก็สามารถสลับหน้ากันเพื่อขานนโยบายได้ เพราะสมมุติส่งแกนนำ10คนไปแต่ละเวที แล้ววนพื้นที่ยังได้ วิโรจน์เคยขึ้นปราศรัยที่พื้นที่นึงตอน4ทุ่มคนก็รอฟัง
.
สิ่งเหล่านี้คือเคล็ดลับบางส่วนที่ทำให้การเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคก้าวไกลประสบชัยชนะ และถือเป็นบทเรียนที่นักการตลาด และนักศึกษาด้านการสื่อสารและบริหารธุรกิจสามารถนำไปศึกษาและวิเคราะห์ต่อยอดได้เช่นกัน
เขียนโดย พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ