โอดโอยกันมาร่วมปี นาฬิกาหรู แบรนด์ดัง ราคาตลาดตกฮวบหลังจากขึ้นไปแตะจุดพีกราคาสูงสุดเป็นประวัติกาล (All-Time High) ไปเมื่อต้นปีก่อน จนถึงตอนนี้ยังร่วงต่อเนื่องจนหลายคนกังวลว่า หรือนี่จะถึงเวลาฟองสบู่แตกของวงการนาฬิกาแล้ว งานนี้นักลงทุนยังไหวไหม หรือนักสะสมจะยิ้มกันได้แบบชิล ๆ
นาฬิกาหรู นอกจากจะเป็นเครื่องประดับที่โดดเด่นสะดุดตา และของสะสมที่น่าดึงดูดใจ ยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในตลาด คือ เป็นสินทรัพย์ในการลงทุนที่จัดว่ามีความเสี่ยง “สูง” เป็นการลงทุนในความหลงใหล หรือ แพสชันอินเวสต์เมนต์ (Passion Investment) ซึ่งมักจะเป็นการลงทุนกับของสะสมอย่างนาฬิกานี่แหละ คล้ายกับการลงทุนในตลาดของรองเท้าผ้าใบ (Sneakers) ที่รุ่นดัง ๆ นี่แทบจะหาซื้อตามหน้าร้านทางการของแบรนด์ไม่ได้เลย เพราะจะโดนสอยเข้าตลาดมือสองหรือ รีเซล (Resale) ไปเสียก่อน และราคาก็พุ่งทะยานตามความต้องการของผู้ซื้อแบบไม่มีจำกัดว่าจะไปสุดเพดานที่ราคาเท่าไร นั่นทำให้ในตลาดมือสอง ค่าตัวของเหล่านาฬิกาหรูถูกอัปขึ้นไปหลายเท่าตัว จากราคาหน้าร้านหลักแสนก็ถูกนำมาขายกันหลักล้าน มีการประเมินจากสตาทิสตา (Statista) ว่าตลาดนาฬิกาหรูมือสองในปี 2022 มีมูลค่าสูงถึง 1,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามแบรนด์ยอดนิยมในการซื้อขายก็มี โรเล็กซ์ (Rolex) โอเดอมาส์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) และ ปาเต็ก ฟิลิปป์ (Patek Philippe)
ซึ่งในช่วงโควิดที่เศรษฐกิจเป็นพิษจนหลากหลายธุรกิจยับกันทั่วทุกมุมโลก ตลาดหนึ่งที่มีการเติบโตสูงอย่างไม่คาดคิดจนเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นมหาเศรษฐีได้ในชั่วข้ามคืน คือ คริปโต (Crypto Currency) สกุลเงินดิจิทัลที่โตสมชื่อ หลายคนก็เริ่มนำเงินมาลงกับนาฬิกาหรู ที่เป็นได้ทั้งของสะสมของคนคูล ๆ และการลงทุนที่ให้กำไรงาม ซึ่งแน่นอนว่ามันหามือหนึ่งแทบไม่ได้ ตลาดมือสองจึงเป็นเป้าหมายที่หลายคนมุ่งไป และทำให้มูลค่าสูงขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติกาลในเดือนมีนาคม 2565 จากข้อมูลดัชนีราคานาฬิกาของ วอตช์ชาตส์ (Watch Charts)
มีขึ้นก็มีลงเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือจะลงเยอะไปแล้วมั้ง เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2565 ดัชนีราคาก็ร่วงแบบดิ่งพื้นลงมาต่อเนื่อง ราคาตกครั้งแรกในรอบ 2 ปี ร่วงมาพร้อม ๆ กับการล้มของวงการคริปโตและการหดตัวของตลาดหุ้น และปัจจัยอย่างสภาวะเงินเฟ้อสุงสุดในรอบกว่า 40 ปีที่สหรัฐเผชิญ รวมทั้งนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve System) และการปรับขึ้นดอกเบี้ยมา 11 ครั้งตั้งแต่มีนาคมปีก่อน จนในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5.5 แล้ว ประชาชนจึงปรับลดการใช้จ่าย และนั่นทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างนาฬิกาหรูลดลงไปด้วย เมื่อความต้องการต่ำ ราคาก็ต่ำลงตามกลไกตลาด ซึ่งกลุ่มที่ราคาตกมากที่สุดคือ ช่วงราคา 50,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นกลุ่มราคาสูงที่สุด เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ยิ่งเจ็บ
ย้อนกลับไปดูราคาตั้งแต่สิงหาคมปีก่อน จะพบว่าโอเดอมาส์ ปิเกต์ ร่วงหนักสุด 19.6% ปาเต็กเจ็บรองลงมา 16.5% และโรเล็กซ์ราคาตกมา 11.4% โดยรุ่นยอดนิยมที่เจ็บกันมาแล้วคือ โรเล็กซ์ เดย์โทนา (Rolex Daytona) โอเดอมาส์ ปิเกต์ รอยัล โอ๊ก ออฟชอร์ (Audemars Piguet Royal Oak Offshore) และ ปาเต็ก ฟิลิปป์ นอติลุส (Patek Philippe Nautilus) ซึ่งรุ่นยอดนิยมเหล่านี้สูญเสียมูลค่าราว 20-30% เลย
ในระหว่างนั้นที่ราคาดูจะตกลงมาเรื่อย ๆ ฝั่งโรเล็กซ์เองเขาเปิดโครงการผู้ค้ามือสองที่ได้รับการรับรองจากแบรนด์ ใน 6 ประเทศยุโรป ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และสหราชอาณาจักร ซึ่งก็จะมีบริการรับประกันและอุปกรณ์ให้เหมือนนาฬิกาใหม่ทุกอย่าง และมีใบรับรองว่าเป็นมือสอง แต่ของแท้แน่นอน การเปิดโครงการนี้ของโรเล็กซ์ถูกมองว่าอาจทำมาเพื่อพยายามควบคุมราคาในตลาดมือสองหรือเปล่า มาเพิ่มมูลค่าให้สินค้ารีเซลด้วยการรับรองอย่างเป็นทางการท่ามกลางสินค้าทั่วไปที่ล้นตลาด เพื่อให้มีราคาที่ไม่ต่ำไปมากกว่านี้
เรื่องนี้ก็ทำให้หลายคนกังวลว่ามันจะเป็นภาวะฟองสบู่แตกของวงการนาฬิกาหรือไม่ เพราะสถิติแบบนี้ ตัวเลขแบบนี้มันดูน่าเป็นห่วงเสียเหลือเกิน แต่จริง ๆ แล้วมันอาจไม่เลวร้ายอย่างนั้นครับ เพราะถ้าหากดูกราฟย้อนหลังไปสัก 2-3 ปี จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วราคาตอนนี้มันก็ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดอยู่ดี และความชันของกราฟขาลงในช่วงนี้ก็เริ่มนิ่งจนแทบจะเป็นแนวราบแล้ว ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงมองว่าการที่ราคาตกอย่างต่อเนื่องครั้งนี้ เป็นเหมือนการคืนสมดุลราคาให้ตลาดมากกว่า เพราะที่ผ่านมาในช่วงราคาพุ่งมันก็ขึ้นไปสูงจนเกิดเป็นฟองสบู่ของราคานาฬิกาขึ้นมา แต่เมื่อราคาโดยรวมมันยังอยู่ในจุดที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด ทำให้นี่อาจไม่ใช่สถานการณ์ฟองสบู่แตก และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มเข้าที่เข้าทาง ราคาอาจกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้งก็ได้
สถานการณ์ราคาตกก็อาจเป็นโอกาสดีของผู้ซื้อ นักลงทุนและนักสะสมหน้าใหม่ ๆ ให้ได้เข้าวงการนี้ จากต้นปีก่อนที่ราคาสูงจนซื้อกันไม่ไหว ตอนนี้ปรับราคาลงมาก็อยู่ในจุดที่จับต้องได้มากขึ้น การสำรวจของบีบีซี (BBC) พบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนเจนวายและซีกว่า 54% หันมาใช้จ่ายกับนาฬิกาหรูมากขึ้น ซึ่งก็จะกลายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดนี้
เพราะฉะนั้นโดยรวมแล้วตลาดนาฬิกาหรูมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์น่าจะยังอยู่ได้และเติบโตต่อไป การลงทุนกับนาฬิกาหรูยังให้ผลตอบแทนที่ดี โดยในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมาราคามือสองเฉลี่ยของทั้ง 3 แบรนด์ใหญ่ก็เพิ่มขึ้นราว 20% ต่อปี ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหุ้นมาก เพียงแต่การชะลอตัว ราคาตกในครั้งนี้อาจะเป็นจุดคืนสมดุลให้ตลาด เปิดโอกาสให้ใครหลายคนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมเล่นด้วยนั่นเอง และสำหรับใครที่ไม่ใช่นักลงทุนหรือเพียงต้องการสะสมนาฬิกาสวย ๆ ก็จะสามารถเข้าถึงนาฬิกาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองชอบได้
ที่มา:
https://www.cnbc.com/…/secondhand-luxury-watch-prices…
https://robbreport.com/…/secondary-market-prices-of…/
https://brandinside.asia/rolex-pre-owned-luxury-watch/
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1076046
https://www.prachachat.net/world-news/news-1360277
https://www.prachachat.net/world-news/news-974331
https://www.statista.com/…/secondhand-luxury…/…