CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: สถานบริการเปิดยาวถึงตี 4 วิเคราะห์ประโยชน์นโยบาย จะกระตุ้นท่องเที่ยว-กระจายรายได้อย่างไร?
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Opinion > สถานบริการเปิดยาวถึงตี 4 วิเคราะห์ประโยชน์นโยบาย จะกระตุ้นท่องเที่ยว-กระจายรายได้อย่างไร?
Opinion

สถานบริการเปิดยาวถึงตี 4 วิเคราะห์ประโยชน์นโยบาย จะกระตุ้นท่องเที่ยว-กระจายรายได้อย่างไร?

korlajeshop@gmail.com
Last updated: 2024/03/12 at 3:29 PM
[email protected] Published November 20, 2023
Share

ในช่วงที่ผ่านมานโยบายจากรัฐบาลใหม่เรียกได้ว่าเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ตลอด นอกจากเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่ยังงง ๆ ว่าบิดไม่บิดกันอยู่แล้ว

ยังมีเรื่องของนโยบายขยายเวลาเปิดให้บริการสถานบันเทิงจากตี 2 ถึงตี 4 ที่มุ่งหวังสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวมากขึ้น

รวมถึงอาจกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการและธุรกิจแวดล้อม ซึ่งแม่ว่านโยบายจะดูดีมีประโยชน์ แต่ในรายละเอียดแล้ว ก็ยังทำให้ประชาชนสงสัยไม่น้อยว่า งานนี้จะกระตุ้นการท่องเที่ยว กระจายรายได้ “แบบใดห์”

จริง ๆ นโยบายนี้ถูกพูดคุยกันมานานแล้ว ภายใต้การเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ซึ่งก็เคยโดนเบรกมาหลายครั้งจากความไม่พร้อมหลายอย่าง แม้ช่วงต้นปีจะมีเล็งไว้แล้วว่าอาจนำร่องด้วยภูเก็ตก่อน แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มสักที

จนหลังจากที่ได้เลือกตั้งกันและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อย ก็น่าจะเป็นจังหวะดีในการพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จนล่าสุดรัฐบาลก็ออกมาแถลงชัดเจนว่าสิ้นปีนี้เอาแน่

โดยจะเริ่มนำร่องด้วย 4 จังหวัดท่องเที่ยวอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต

โดยร้านที่ขยายเวลาเปิดได้จะต้องอยู่ในโซนนิ่งที่กำหนดเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย คาดหวังผลลัพธ์ว่าสามารถเพิ่มรายได้ให้ประชาชน และกระตุ้นการท่องเที่ยวให้คึกคักได้ เริ่มวันที่ 15 ธันวาคมนี้

เหมือนจะคืบหน้าราบรื่นดี แต่มันดันมีประเด็นตรงที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เปิดได้ถึงตี 4 ก็จริงแต่ หลังตี 2 เนี่ย เล่นดนตรีไม่ได้ ขายเหล้าไม่ได้นะ เน้นนั่งชิลดีกว่า

ให้เหตุผลว่าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงานและสินค้าบริการอื่น ๆ มากกว่า บอกว่าเพราะพฤติกรรมนักดื่มไทยไม่เน้นดื่มชิล เน้นเมา ซึ่งเครือข่ายงดเหล้าคงไม่ถูกใจสิ่งนี้ และแน่นอนว่ารถทัวร์ลงยับในประเด็นที่ว่า “ให้เปิดต่อแต่ไม่ให้ขาย จะให้เปิดทำไม” เพราะประชาชนบางส่วนมองว่าเปิดไปก็นั่งเหงาอยู่ดี

แม้แนวทางจะถูกจิตแต่แอบขัดใจ แต่อย่างไรเร็ว ๆ นี้เดี๋ยวเขาก็ทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราลองวิเคราะห์ดูกันดีกว่าว่าพอทำจริงโครงการนี้จะมีได้มีเสียอย่างไรบ้าง

ตามความคาดหวังของรัฐบางคือต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หวังให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น รวมถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องด้วย

สถานบริการยามค่ำคืนจัดว่าเป็นหนึ่งประเภทสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของไทย ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันการเปิดปิดสถานบริการในไทยยังไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการกินดื่มของนักท่องเที่ยว มาดึกหน่อย แต่มักจะดวดกันยันหว่าง ถ้าปลดล็อกตรงนี้ให้เปิดนานขึ้นได้ ก็จะตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมากขึ้นและส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวแน่นอน

คนที่ได้ประโยชน์โดยตรงน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นผู้ประกอบการ ที่จะสามารถให้บริการลูกค้าได้นานขึ้น ก็มีโอกาสที่จะมีรายได้มากขึ้นด้วย ซึ่งจากเดิมร้านในโซนนิ่งที่เปิดถึงตี 2 ก็ต้องทยอยเปิดไฟไล่ลูกค้ากลับ ก็จะเปิดต่อได้อย่างสบายใจ

หรือร้านไหนที่คอยจ่ายส่วยดีลกับตำรวจในพื้นที่เพื่อเปิดเกินเวลาไว้ ก็จะไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะอีกต่อไป แม้ในอนาคตไม่แน่ว่าจะต้องมาเสียเป็นภาษีเพิ่มหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าแก้ปัญหาเทา ๆ ไปได้หน่อย

ในด้านของการจ้างงานเอง แม้ว่าจะเพิ่มว่าแค่ 2 ชั่วโมง แต่พนักงานในสถานบริการต่าง ๆ จะได้ค่าตอบแทนรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ก็เป็นโอกาสดีในการมีรายได้สูงขึ้น แม้จะไม่ได้มีการจ้างคนใหม่ ๆ แต่สำหรับบางที่ก็อาจมีเพิ่มเป็นกะพิเศษได้ วัยรุ่นหนุ่มสาวไทยจำนวนมากเลือกทำงานในสถานบันเทิงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรือพาร์ตไทม์

ในต่างประเทศ อย่างสหราชอาณาจักร หรือสหรัฐอเมริกา งานในผับบาร์ก็ถือว่าเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวอย่างมาก และปีนี้สหรัฐอเมริกาเคยมีการพิจาราอนุญาตให้วัยรุ่น 16-17 ปี ทำงานในสถานบันเทิงได้ด้วย

อีกทั้งในปี 2016 เคยมีการสำรวจที่พบว่าธุรกิจกลางคืนในสหรัฐสร้างงานเกือบ 3 แสนตำแหน่ง คิดเป็นรายได้กว่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญ นั่นชี้ให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วธุรกิจกลางคืนเหล่านี้สำคัญกับการจ้างงานมากขนาดไหน

รวมถึงธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของการเที่ยวกลางคืน อย่างร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารในย่านสถานบันเทิง ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย เพราะพวกเขาก็จะมีเวลาที่สามารถค้าขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างเช่นร้านข้าว ร้านสตรีตฟู้ดแถว RCA หรือข้าวสาร ก็เปิดรอลูกค้าสถานบันเทิงที่จะออกมาหาอะไรกินหลังดื่มได้ยันเช้า

หรือจะเป็นกรณีของ Mama Station ที่เตรียมเปิดสาขาที่ RCA ปลายปีนี้ก็คงได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะคนชอบกินมาม่าตอนเมาให้มันสร่าง แถมแก้หิวได้ดี ซึ่งเขาบอกแล้วว่าจะเปิดยาวยันผับปิด และถ้าผับปิดช้าลง เขาก็อาจจะได้เปิดนานขึ้นไปด้วยนั่นแหละ

ในฝั่งของบริการอย่างรถรับส่ง ซึ่งเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกลางคืนมานานก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน ทั้งจากปัจจัยเรื่องของการดื่มไม่ขับ ทำให้การใช้บริการแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถรับส่งอื่น ๆ อย่าง Grab หรือ Bolt แทบจะเป็นตัวเลือกหลักในการเดินทางของเหล่านักดื่ม

ส่วนอีกปัจจัยคือ กลางคืนรถรับส่งสาธารณะอย่างรถเมล์ BTS หรือ MRT เขาไม่วิ่งกันแล้ว ทำให้ตัวเลือกที่ว่าไปอาจไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางเดียวแล้วด้วย ส่งผลให้แท็กซี่มักทำยอดได้ดีในช่วงกลางคืนอยู่เสมอ

และจากการสำรวจของ Uber ในแคนาดาเมื่อปี 2022 ก็พบว่าช่วงเวลาที่คนเรียกใช้บริการส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเวลาตี 2-4 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาปิดของไนต์คลับที่นั่น ซึ่งก็เปิดกันนานสุดประมาณตี 4 นี่แหละ และรับบิลล์สุดท้ายประมาณตี 2 -3 คล้าย ๆ ที่ไทยกำลังจะปรับไปใช้ นั่นแปลว่าถ้าเปิดได้ดึกขนาดนั้น ยังไงบริการนี้ก็ได้ประโยชน์จริง

แต่แม้ในภาพรวมแล้วเราจะเห็นว่ามันเกิดประโยชน์จริง ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ทั้งเรื่องยาเสพติด เมาแล้วขับ ความปลอดภัย และผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคุมเข้ม

สถิติที่น่ากังวลใจคือ มีการวิจัยในนอร์เวย์พบว่าทุก 1 ชั่วโมงที่บาร์ขายแอลกอฮอล์เพิ่ม ปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นถึง 16% แม้ว่ารัฐจะบอกว่าเวลาขายเหล้าน่ะเท่าเดิม เพิ่มเติมคือชั่วโมงเปิด แต่ของแบบนี้มีเหลี่ยมกันได้ ซื้อแล้วฝากไว้ก็ยังเป็นวิธีการยอดฮิตที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นนี่จึงยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย

เมาแล้วขับคือปัญหาที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ และมีการเพิ่มโทษก็ไม่ได้ทำให้คนเจ็บตายน้อยลงนัก ปี 2565 มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 14,000 ราย บาดเจ็บสะสมเกือบ 9 แสนราย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเมาแล้วขับ หากจะทำจริง มาตรการแก้ไขต้องเข้มพอ และตรงจุดมากขึ้น

ที่สำคัญคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบ ‘ฟูลมูน’ หรือ ‘เมาเทนบี’ ขึ้นอีกครั้ง หลาย ๆ ร้านควรมีมาตรการความปลอดภัยที่ดีมากพอจะเปิดยาวรองรับลูกค้ามากขึ้น ไม่ละเลยเพียงเพื่อผลประโยชน์ อย่างกรณีของไอร์แลนด์ที่จะมีการขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบันเทิงในปีหน้า ก็มีเงื่อนไขชัดเจนเรื่องของมาตรการความปลอดภัย ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเปิดต่อ

นอกจากนี้ปัญหาเรื่องของการรบกวนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ เพราะถ้ายิ่งดึก แปลว่ายิ่งดังนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงต่าง ๆ และโหวกเหวกโวยวาย ในการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงของไอร์แลนด์จะมีการเพิ่มงบถึง 2 ล้านยูโรเพื่อติดตั้งระบบเก็บเสียงให้กับสถานบันเทิงต่าง ๆ ตามแนวทางที่เบอร์ลินเคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยอาจต้องศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับงบประมาณและนโยบาย

โดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าตัวนโยบายก็ค่อนข้างน่าสนใจ และเห็นได้ถึงประโยชน์ที่จะตามมาอย่างชัดเจนทั้งเ แต่ที่สำคัญคือรัฐจะต้องไม่ละเลยปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบหนักจนไม่คุ้มกัน ส่วนเมื่อนโยบายได้ถูกใช้จริงในเดือนหน้าจะเป็นอย่างไร ได้ผลดีอย่างที่คิดไหม ต้องรอติดตามดูกันสิ้นปีนี้ครับ

You Might Also Like

วัดกำลังอสังหาฯ ยามพบศึกหนัก แผ่นดินไหว vs สงครามการค้า บ้านแนวราบโต แต่ตลาดคอนโดตึกสูงสั่นคลอน

ไม่ใช่แค่แรงงานไทยมักง่าย แต่นายจ้างเกาหลีก็อยากได้ผีน้อย

ไม่เอาแอปจีน! รัฐเท็กซัสประกาศแบนทั้ง DeepSeek, RedNote, Lemon8 

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2568 คาดยอดจัดส่งรถยนต์ EV โต 17%

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
[email protected] November 20, 2023
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article เฉลิม อยู่วิทยา มหาเศรษฐีหนึ่งล้านล้านผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ‘Red Bull’ ที่เติบโตมาจาก ‘กระทิงแดง’
Next Article Kodak จากฟิล์มกล้องแห่งความหลัง สู่ฟิล์มหนังเจ้าหลักของ Hollywood
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?