CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ตลาดหุ้นจีนจะขึ้นมาผงาดแทนตลาดหุ้นสหรัฐฯได้หรือไม่
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > กูรูลงทุน > เปโดร พุกกะมาน > ตลาดหุ้นจีนจะขึ้นมาผงาดแทนตลาดหุ้นสหรัฐฯได้หรือไม่
เปโดร พุกกะมาน

ตลาดหุ้นจีนจะขึ้นมาผงาดแทนตลาดหุ้นสหรัฐฯได้หรือไม่

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 4:01 PM
connectthedots admin Published July 20, 2020
Share

ประกอบกับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดชะลอตัวลง (ยังไม่ถึงกับจบ แต่พอที่จะควบคุมได้) สำนักวิจัยทางเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดได้วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนจะเป็นแห่งเดียวในโลกที่ยังสามารถเติบโตได้ในปีนี้ แม้จะเพียง 1% แต่หากเทียบกับประเทศอื่นที่ติดลบถึงหลักเลขสองหลักก็ต้องถือว่าดีมากแล้ว

ตลาดหุ้นจีนเคยอยู่ในภาวะกระทิงมาแล้วสองครั้ง คือครั้งแรกในปี 2007 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะเกิดมหกรรมโอลิมปิกที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ ตอนนั้นจีนได้แสดงศักยภาพของการเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลก และการลงทุนทางโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาล ดัชนีตลาดหุ้นขึ้นไปแตะระดับ 6,000 จุด

ครั้งที่สอง เกิดขึ้นในปี 2015 หลังจากวิกฤติซับไพร์มได้จบลง เศรษฐกิจจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 5,200 จุด ปรับตัวขึ้นกว่า 150% มีการพูดถึงการสร้างจุดสูงสุดใหม่ ทว่า ตลาดก็กลับมาเป็นภาวะหมีอีกครั้ง โดยหุ้นร่วงลงกว่า 30% ในระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์เท่านั้น จากนั้นก็ขึ้นๆ ลงๆ มาเกือบ 5 ปี

การที่สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี Shanghai Composite ทะลุผ่านระดับ 3,200 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของปีที่แล้วไปได้ ทำให้เกิดความหวังว่า นี่จะเป็นขาขึ้นรอบที่สามของตลาดหุ้นจีนหรือไม่

ปัจจุบัน ประเทศจีนมีตลาดหุ้นสองแห่งคือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange – SSE) และ ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange – SHZE) ทั้งสองตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าใหญ่ติด 1 ใน 10 ของตลาดหลักทรัพย์โลก โดย SSE นั้น มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 และ SHZE อยู่ที่อันดับ 8

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้จำกัดการเข้าลงทุนของต่างชาติในสองดัชนีดังกล่าว จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ และใช้สกุลเงินหยวนในการลงทุนเท่านั้น

หากสนใจที่จะลงทุนในตลาดหุ้นจีน ต้องทำความรู้จักกับสองดัชนีแบบแรกคือ A Share คือดัชนีที่รวมหุ้นจากดัชนี SSE และ SHZE เอาไว้ โดยเป็นหุ้นที่จดทะเบียนอยู่และดำเนินธุรกิจอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่

ขณะที่ H Share จะเปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนได้ โดยเป็นบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในแผ่นดินใหญ่ แต่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนของโลก และเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน

นอกจากนี้ ยังมีดัชนี CSI 300 Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 หุ้น ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่ดัชนี SSE และ SHZE โดยคัดเลือกจากหุ้นทั้งหมดกว่า 1,800 หลักทรัพย์ โดยหุ้น 300 หลักทรัพย์นี้ เป็นตัวแทนประมาณ 60% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้ง 2 ตลาด ทั่วไปแล้วนักลงทุนต่างชาติจะใช้ดัชนีดังกล่าวในการตัดสินใจลงทุน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ต้องติดตามว่า การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน ในครั้งนี้ จะเป็นเพียงระยะสั้น หรือเป็นการเกิดศักราชใหม่ของจีนในฐานะผู้นำใหม่ของโลกแทนที่สหรัฐฯหรือไม่

หากไม่นับดัชนี NASDAQ ที่ปรับตัวขึ้นทำลายสถิติใหม่จากการนำของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว ดัชนี S&P500 และ Dow Jones ถึงเวลานี้ (กรกฎาคม 2563) ยังให้ผลตอบแทนติดลบ แต่ Shanghai Stock Exchange ให้ผลตอบแทนแล้ว +9% ส่วน Shenzhen Stock Exchange ให้ผลตอบแทน +12%

ปัจจัยที่จะผลักดัน ตลาดหุ้นจีน ให้เติบโตแซงหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ในอนาคตคือ การที่จีนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จากที่เคยเป็นโรงงานผลิตของโลกที่ขึ้นชื่อในด้านการผลิตสินค้าราคาถูก เปลี่ยนมาเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงเพิ่มสัดส่วนภาคบริการในสัดส่วนของจีดีพี โดยการบริการด้านข้อมูล ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยี ก็กำลังเติบโตขึ้นมาทัดเทียม ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีสูงถึง 23.4% 

หากสหรัฐฯมีหุ้นเทคโนโลยีเป็นตัวชูหน้าชูตา ตลาดหุ้นจีนก็มีหุ้นกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Tencent, Baidu, ZTE รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสถาบันการเงินอย่าง ธนาคารบิ๊ก 4 และ Ping An ที่เป็นหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่

แม้คนไทยจะมีโอกาสน้อยที่จะลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นจีน แต่ก็พอมีช่องทางลงทุนทางอ้อมอย่างกองทุน ETF, กองทุนรวม ได้เช่นกัน นี่คือโอกาสการลงทุนที่ไม่ควรพลาด

ที่มา :

https://www.moneyandbanking.co.th/article/the-guru-investment-stock-china-usa-moneyandbanking-moneybanking-july2020-pedro

#CISThai

Line Official: https://lin.ee/jO65rNq

Website: https://connectthedotsth.com/

FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace

You Might Also Like

“ตลาดหุ้นจีน” ส่งสัญญาณปรับฐานเร็ว ๆ นี้ เป็นโอกาสนักลงทุนซื้อลงทุนระยะยาว

กำแพงเมืองจีน ขวางกั้นเทคโนโลยีภายนอก ที่แม้แต่ Apple ยังต้องจำนน

ทำไมหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ถึงควรมีติดอยู่ในพอร์ต

“ทองคำ” ดีดแรง มีโอกาสแตะ 2,200 ดอลลาร์ ดักทางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ราคาน้ำมัน

TAGGED: Baidu, SHZE, SSE, Tencent, ZTE, ตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin July 20, 2020
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article 10 คำศัพท์ควรรู้ ตลาดหุ้นไทย!
Next Article ดอลลาร์สหรัฐฯ พ่ายแพ้ให้กับความกังวล COVID-19
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?