คอนโด-บ้านตากอากาศ เป็นของที่ต้องการของกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่วางแผนย้ายที่อยู่อาศัย (Relocate) กลุ่มที่พักระยะยาว (Long-stay) และ วัยเกษียณ (Retirement)
ถ้าพูดถึงเมืองท่องเที่ยวที่ติดท็อปลิสต์นักเดินทางชาวไทยและต่างประเทศก็ต้องยกให้ ภูเก็ต เขาใหญ่ หัวหิน และพัทยา เป็นจุดหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยว และ การลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงร้อนแรงนับตั้งแต่โควิดคลี่คลาย
คอนเซ็ปต์ของการพัฒนาโครงการในแต่ละจุดหมายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว พูลวิลล่า และคอนโดมิเนียม โดยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 6-8% แตกต่างกันไปในแต่ละทำเล เช่น โซนภูเก็ต อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.8-8.3% ขณะที่พัทยาจะประมาณ 6%
ทำเลหาดบางเทา นับเป็นอีกย่านลักชัวรี ที่มีชาวต่างชาติ เซ็กเมนท์ B+ เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นจุดหมายที่พักลองสเตย์
บิ๊กเนมรายใหญ่เข้าไปปักหมุดในภูเก็ตเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นเป็นบริษัท ซีจี แคปปิตอล จำกัด ของกลุ่มจิราธิวัฒน์ ที่ลงทุน 4,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ซึ่งพื้นที่ 19 ไร่นี้จะมีทั้งที่อยู่อาศัย จำนวน 188 ยูนิต ห้องขนาด 75-313 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.9 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.8-8.3%. รวมถึงโรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา และโซนร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังมี “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ภูเก็ต, บางเทา บีช” (Origin Resort World Phuket ,Bangtao Beach) โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ภาพรวมการพัฒนาจะมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียมหรู สูง 8 ชั้น โซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach), ลักชูรี่ วิลล่า, โฮเทล วิลล่า, บีช คลับ, เรสซิเด้นท์ และโรงแรมระดับ 5 ดาว
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ตลาดบ้านพักตากอากาศและตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่เกาะภูเก็ตยังดีต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เน้นการขายแบบการรันตีค่าเช่าโดยมีทั้ง 5% เป็นเวลา 3 ปี หรือ 7% ระยะเวลา 3 ปี แตกต่างกันไป
หัวหิน ได้ชื่อเป็นอีกจุดหมายด้านการท่องเที่ยวและลงทุนของไทย ที่ผ่านมามีหลายโครงการเปิดตัวและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น โครงการไฮแลนด์พาร์คพูลวิลล่าพัทยา ของฮาบิแทท กรุ๊ป และล่าสุดกับ The Standard Residences, Hua Hin ของแสนสิริ ที่จะพัฒนาคอนโด ขนาด 40-153 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท และ พลูวิลล่า 2 หลัง ขนาด 220 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ในรูปแบบฟรีโฮลล์ ซึ่งกลุ่มกำลังซื้อหลักจะมาจากคนไทย 70% ถัดมาเป็นกลุ่มที่ซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สอง โดยเป็นลูกค้าต่างชาติ ทั้งรัสเซีย และจีน
พัทยา เมืองที่แวดล้อมไปด้วยสีสันทั้งในระหว่างวันและยามค่ำคืน ทำให้อสังหาริมทรัพย์บ้านและคอนโดมินเนียมเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่สอง และมีไม่น้อยที่ปล่อยเช่าระยะสั้นและปล่อยเช่าระยะยาว โดย Yield จากการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 6-8%
จุดไหนบ้างที่เป็นทำเลทองของพัทยา ในช่วง 1-2 ปีมานี้ต้องยกให้ทำเลบริเวณหาดวงศ์อมาตย์ ที่เป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก มีความเป็นส่วนตัวสูง และใช้เวลาเดินทางไม่นานเพื่อเข้าสู่แหล่งชอปปิ้งและร้านอาหาร เช่น “วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา” (Wyndham Grand Residences Wongamat Pattaya) ของฮาบิแทท กรุ๊ป
เขาใหญ่ เป็นอีกจุดหมายที่นำเสนอภาพของบ้านตากอากาศได้เป็นอย่างดี กำลังซื้อหลักอาจไม่ใช่ต่างชาติเมื่อเทียบกับภูเก็ตและพัทยา แต่ลูกคนคนไทยกระเป๋าหนักก็เลือกเขาใหญ่เป็นการลงทุนสำหรับบ้านหลังที่สองของครอบครัว ที่ผ่านมา บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “เบลล่า เดลมอนเต้ ครีก วัลเล่ย์” วิลล่าตากอากาศระดับลักชัวรี เป็นวิลล่าติดทะเลสาบรุ่นใหม่ ระดับราคาตั้งแต่ 28-159 ล้านบาท
รวมถึงกลุ่มทุนใหญ่ บันยันทรี ที่เปิดตัว“บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 226 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 17,000 ล้านบาท ซึ่งในโครงการจะมีทั้งโรงแรมบันยันทรี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท 120 ห้องพัก, บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ คอนโดมิเนียม 34 อาคาร และ วิลล่า 34 หลัง อีกทั้งยังมีบ้านพักตากอากาศ และ บันยันทรี เวย่า เวลเนส
แรงจูงใจของการซื้อก็เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัว สร้างผลตอบแทนเป็นค่าเช่า และทำกำไรเมื่อขาย และสุดท้ายเป็นมรดกหรูหราส่งต่อให้ลูกหลาน