ปี 2021 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปแม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลกจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแต่ยังถือว่าการลงทุนในหลายสินทรัพย์ยังคงสร้างผลตอบแทนได้อย่างดีโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นราคาน้ำมัน ส่วนทองคำอาจจะสร้างผลตอบแทนได้ติดลบในปีนี้แต่ก็ลบเพียง 5% จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ แม้แต่หุ้นไทยยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
สำหรับมุมมองในปี 2022 ยังเชื่อว่าเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนอีกเช่นเคยแต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เรามาดูกันว่าปีหน้านี้มีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องจับตา
Positive Surprise จาก FED
การประชุม FED รอบสุดท้ายของปีนี้มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนออกมาแล้วว่าจะมีการลดวงเงินการทำคิวอีลงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปและเริ่มจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกถึงสามครั้งภายในปี 2023
การที่ FED ส่งสัญญาณที่ชัดเจนออกมาทำให้ตลาดไม่มีความคลุมเครืออีกต่อไปจากนี้และผลกระทบจากมาตราการที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตลาด Panic มากนัก จึงมองได้ว่าคงไม่มี Negative Surprise ใดๆที่จะออกมาเช่นเร่งการขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น
ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงทรงตัวในระดับสูง แต่มุมมองส่วนตัวคิดว่า FED ต้องให้น้ำหนักกับการไม่ไปสะกัดกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย จึงคิดว่านโยบายเรื่องของสภาพคล่องดังกล่าวจะเป็น Base Case ในปีหน้า
แต่ถ้าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดโดยเฉพาะสายพันธ์ใหม่โอไมครอนยังคงสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มกลับเข้าสู่สมดุลตามการคาดการณ์ของ EIA แรงกังวลเงินเฟ้อจะหมดไป อาจจะทำให้เกิด Positve Surprise ที่ FED อาจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเดิมที่เคยประกาศเช่นชะลอการยุติคิวอีออกไปซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดการลงทุนในภาพรวมโดยเฉพาะตลาดหุ้นและทองคำเพราะเม็ดเงินจะยังไม่ไหลกลับไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ปัญหาข้อพิพาทการเมืองระหว่างประเทศ
นับตั้งแต่โจ ไบเดน ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เขาเริ่มกลับมาแสดงนโยบายทางการทูตทั่วโลกอีกครั้งและพร้อมที่จะต่อกรกับประเทศจีนอย่างแข็งกร้าว นับถึงตอนนี้ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นในสองพื้นที่สำคัญคือฝั่งเอเชียที่เกิดข้อพิพาทระหว่างจีนและไต้หวัน
ส่วนที่ยุโรปก็มีความตึงเครียดที่ชายแดนยูเครนและรัสเซียซึ่งเป็นประเด็นปัญหาระหว่างกลุ่มประเทศยุโรปและNATO ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง ถ้าหากสองพื้นที่นี้เกิดปัญหาความรุนแรงขึ้นมาจริงๆย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนไม่ว่าจะเป็นซัพพลายทางด้านเทคโนโลยีที่มาจากไต้หวันรวมไปถึงราคาพลังงานหากรัสเซียมีการตอบโต้กลับทางด้านการส่งเชื้อเพลิงพลังงาน
ถ้าหากเกิดความรุนแรงขึ้นมาจริงๆ ทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความต้องการเข้ามาและจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่เลวร้าย
การยุตินโยบายที่เคร่งครัดของรัฐบาลจีน
ปีนี้ที่กำลังจะผ่านไป ตลาดหุ้นจีนไม่ว่าจะเป็น Shanghai Composite และ Hang Seng ต่างให้ผลตอบแทนที่แย่ทั้งหมดจากนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เคร่งครัดของรัฐบาลจีนกดดันหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลดลงอย่างหนัก
สิ่งที่ต้องติดตาในปีหน้าคือรัฐบาลจีนจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวหรือยังซึ่งหากเริ่มผ่อนคลายก็จะทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาคึกคักได้อีกครั้งและอีกสิ่งที่ต้องจับตาคือหุ้นเทคโนโลยีจากจีนที่เคยจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถ้าหากกลับมาจดทะเบียนในฮ่องกงอาจทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมามีชีวิตชีวาได้เช่นกัน
หุ้นเทคโนโลยียังเติบโตได้อีกหรือไม่
หุ้นเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีที่เคยได้รับประโยชน์จากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายเป็นกลุ่มที่สร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างแย่ในปีนี้และยิ่งเม็ดเงินสภาพคล่องถูกดูดออกไปจากระบบจะยิ่งกดดันหุ้นกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่เห็นผลกำไรอย่างเป็นรูปธรรมอย่างเช่นกลุ่ม Geneomics
ปี 2022 จึงเป็นปีที่ต้องจับตาสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจจะอยู่ในวัฐจักรขาลงต่ออีกหนึ่งปีหรือจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ โดยหากยังไม่ฟื้นตัวต่ออาจจะกดดันไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯในภาพรวมที่ P/E เริ่มอยู่ในระดับสูง อาจจะเกิดการพักฐานที่แรงได้
นี่คือ 4 ประเด็นสำคัญด้านการลงทุนที่นักลงทุนต้องจับตาในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ซึ่งมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบผสมผสานกัน สิ่งที่นักลงทุนควรทำคือจัดพอร์ตลงทุนให้มีความสมดุลทั้งสินทรัพย์ที่ยังมีอัตราการเติบโตแต่เริ่มมีความเสี่ยงที่การเติบโตจะชะลอตัวลงผสมผสานไปกับสินทรัพย์ที่น่าสนใจในแง่ของแวลูเอชั่นระยะยาวแต่ยังมีความเสี่ยงอยู่ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ