CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: หนังจากเกม 🗶 ซีรีส์จากเกม ✔ ช่องทางต่อยอดแฟรนไชส์ที่ดูจะเวิร์กที่สุด
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Opinion > หนังจากเกม 🗶 ซีรีส์จากเกม ✔ ช่องทางต่อยอดแฟรนไชส์ที่ดูจะเวิร์กที่สุด
Opinion

หนังจากเกม 🗶 ซีรีส์จากเกม ✔ ช่องทางต่อยอดแฟรนไชส์ที่ดูจะเวิร์กที่สุด

CTD admin
Last updated: 2024/04/22 at 9:05 AM
CTD admin Published April 22, 2024
Share

การต่อยอดเรื่องราวที่มีศักยภาพในเกมให้กลายมาเป็นสื่อบันเทิงยอดนิยมอย่างภาพยนตร์อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และเกิดขึ้นหลายครั้งในสองทศวรรษมานี้ แต่แม้จะผู้สร้างและผู้กำกับหลายคนจะพยายามอย่างเต็มที่ การนำเอาเรื่องราวจากเกมมาเล่าใหม่ในรูปแบบของภาพยนตร์นั้นก็ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย และน้อยคนที่จะทำสำเร็จ ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้จึงเกิดเป็นกระแสใหม่ที่เหมือนจะตอบโจทย์มากกว่า นั่นคือการดัดแปลงเรื่องราวจากเกมเป็นซีรีส์

กระแส Movie Adaptation ทำให้เราได้เห็นหนังจากเกมดี ๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Sonic the Hedgehog ทั้งสองภาค ที่ถูกใจทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม รวมถึงยังตอบโจทย์ด้านรายได้ ภาคแรกเก็บไป 300 ล้านดอลลาร์ ส่วนภาคสองเก็บไป 400 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างไม่ถึง 100 ล้าน หรือจะเป็น The Super Mario Bros. Movie ที่ถูกใจแฟน ๆ และกวาดไป 1.3 พันล้านดอลลาร์จากทุนสร้างเพียง 100 ล้าน และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Detective Pikachu ที่ได้คะแนนวิจารณ์ดี แถมรายได้งาม 450 ล้านดอลลาร์จากทุนสร้าง 150 ล้าน 

ถึงอย่างนั้นจะสังเกตได้ว่าเนื้อเรื่องและตัวเกมที่ว่ามาค่อนข้างจะเป็นโทนเบา ๆ ตัวละครน่ารัก ดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่ในฝั่งเกมที่มีเนื้อหาจริงจัง ติดเรต ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนมากมักจบไม่สวยเมื่อต้องมาอยู่ในรูปแบบของภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์ Resident Evil ที่ได้มะเขือเน่า ถังป๊อปคอร์นหกแทบทุกภาค แม้จะรายได้พอไปรอด หรือจะเป็น Tomb Raider ที่คะแนนออกมาเละไม่ต่างกัน ก็สะท้อนให้เห็นเลยว่าการดัดแปลงเกมโทนจริงจังให้กลายเป็นหนังนั้นไม่ง่าย 

การดัดแปลงเรื่องราวหม่น ๆ ในเกมให้ถูกใจแฟน ๆ และผู้ชมที่ไม่ใช่แฟน จึงไปหาทางออกใหม่ไปสู่การทำเป็นซีรีส์ อย่าง The Witcher ที่เปิดมาซีซันแรกก็ถูกใจทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม จนได้ไปต่อถึงตอนนี้ 4 ซีซัน ต่อมาก็มี Arcane: League of Legends ที่ได้คะแนนวิจารณ์เต็ม 100% มะเขือสด แถมยังถูกใจคนดู ป๊อปคอร์นเต็มถังถึง 99% จากนั้นก็ถึงคราวของซีรีส์น้ำดีแห่งปี 2023 ซึ่ง HBO ยังเผยว่ามีผู้ชมต่อตอนมากกว่า 32 ล้านคน 

แล้วในที่สุดปีนี้ก็ถึงเวลาของเกม Open World เอาชีวิตรอดสุดฮิตอย่าง Fallout ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ฉายทาง Prime Video ให้เราได้ชมกัน ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่คะแนนวิจารณ์และเสียงของผู้ชมเป็นเครื่องการันตีว่าซีรีส์แบบนี้ถูกใจ ได้คะแนนมะเขือสดไป 94% และป๊อปคอร์นเต็มถัง 89% เข้าถึงจิตวิญญาณของเกมและเล่าเรื่องได้สนุกในแบบฉบับของซีรีส์ 

สาเหตุที่การดัดแปลงเป็นซีรีส์ดูจะได้ผลดีมากกว่าก็มาจากความยาวของเรื่องที่เปิดโอกาสให้ได้เล่าเรื่องราวที่ทั้งลึกและหลากหลายมากกว่าภาพยนตร์ ทำให้มีเวลาผูกและแก้ปมเรื่องราวต่าง ๆ ได้แยบยลมากขึ้น รวมถึงการสอดแทรกความเป็นเกมเข้าไปให้แฟน ๆ ได้สัมผัส และนั่นยังส่งผลต่อการสำรวจตัวละครในหลากหลายแง่มุม ชวนให้คนดูผูกพันธ์และเห็นพัฒนาการของตัวละครที่มากกว่า

ที่มากกว่านั้นคือการปลุกกระแสของเกมในระยะเวลาที่ยาวกว่า เพราะถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะมีการโปรโมตอยู่เรื่อย ๆ แต่เวลาในการรับชมนั้นสั้น และอาจลืมมันไปได้รวดเร็ว แต่ซีรีส์บางเรื่องจะไม่ได้ปล่อยรวดเดียวจบ อาจเว้นระยะปล่อยทุกสัปดาห์ คนที่ดูก็จะอยู่ในกระแสนานขึ้นไปด้วย และนั่นอาจให้ประโยชน์ต่อการตลาดของเกม ที่อาจดึงลูกค้าจากซีรีส์มาสู่เกมได้อีก

ถึงอย่างนั้นแม้จะพิสูจน์กันมาแล้วว่า “วิธีการ” มันได้ผล แต่ฝีมือของผู้สร้างและความซื่อตรงต่อเกมถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างจากการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และนี่เป็นกับดักที่ผู้สร้างบางรายอาจมองข้าม อย่างกรณีของซีรีส์ The Witcher ที่แม้ภาคแรกจะเปิดตัวมาดี แต่ภาค 2-3 เนื้อเรื่องเริ่มหลุดจากเกมไปไกลและไม่เคารพต้นฉบับ จนถังป๊อปคอร์นคว่ำไม่ถูกใจแฟน ๆ และทำให้นักแสดงนำซึ่งเป็นแฟนเกมอย่าง เฮนรี่ แควิลล์ (Henry Cavill) ถอนตัวจากแฟรนไชส์ไปอีกด้วย 

โดยสรุปแล้ว การดัดแปลงเรื่องราวจากเกมเป็นซีรีส์นั้นดูจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีและมีข้อได้เปรียบกว่าการทำเป็นภาพยนตร์อยู่ โดยเฉพาะจากเกมที่มีเนื้อเรื่องโทนจริงจังสำหรับผู้ใหญ่ แต่ก็มีข้อควรระวังอย่างความซื่อตรงต่อต้นฉบับ ที่ควรคงไว้ไม่ต่างจากการทำเป็นภาพยนตร์ เพื่อให้สุดท้ายแล้วจะสามารถตอบโจทย์แฟนเกมได้ และดึงดูดผู้ชมกลุ่มใหม่ ๆ มาสู่แฟรนไชส์ต่อไป

You Might Also Like

วัดกำลังอสังหาฯ ยามพบศึกหนัก แผ่นดินไหว vs สงครามการค้า บ้านแนวราบโต แต่ตลาดคอนโดตึกสูงสั่นคลอน

ไม่ใช่แค่แรงงานไทยมักง่าย แต่นายจ้างเกาหลีก็อยากได้ผีน้อย

ไม่เอาแอปจีน! รัฐเท็กซัสประกาศแบนทั้ง DeepSeek, RedNote, Lemon8 

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2568 คาดยอดจัดส่งรถยนต์ EV โต 17%

TAGGED: Fallout, ซีรีส์, ซีรีส์จากเกมส์, หนัง, เกมส์

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin April 22, 2024
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหวหรือสู้ตลาดไม่ไหว วิเคราะห์สาเหตุ สุกี้จินดา ประกาศบุฟเฟต์
Next Article ฮ่องกงไม่ได้มีแต่ “ผี” เจอดีทั้ง พิษเศรษฐกิจ และ การเมือง แต่คนไทยยังชอบไปเดือนละเป็นหมื่นคน
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?