นักลงทุนหลายท่านคงรู้จักและได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการลงทุนจนทำกำไรได้ไปหลายรอบแล้ว วันนี้ทีม Baby Indicator มีเครื่องมืออีกหนึ่งชิ้นมาช่วยเสริมให้กลยุทธ์การลงทุนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น! สิ่งนั้นก็คือ RSI หรือ Relative Strength Index เป็นเครื่องมือ Technical Analysis(การวิเคราะห์ทางเทคนิค) ที่ทำให้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับในวงการเทรดเดอร์ทั้งในไทยและสากล โดย RSI จัดอยู่ในหมวด Indicator ประเภท Momentum (สามารถทำความเข้าใจความหมายของ Momentum ได้จากบทความ “MACD คืออะไร และวิธีใช้แบบได้ผล” ที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเทรด ดังนั้นวันนี้ผมมีคำแนะนำการอ่านค่า RSI ที่ถูกต้องมาฝากกันครับ แต่ก่อนอื่นผมจะแนะนำวิธีการเปิดใช้ RSI ง่ายๆก่อนเข้าบทเรียนกันครับ!
วิธีการเปิดใช้งาน RSI ผ่าน MT4
เมื่อเปิด MT4 ขึ้นมาแล้ว ให้เลือก “Chart” และเข้าไปที่เครื่องหมาย f จากนั้นเลือก “Relative Strength Index” ตามรูปประกอบด้านล่าง
ถ้าใครหาทางเปิดใช้งานไม่เจอ ปรึกษาทาง Support ของโบรกเกอร์ที่เทรดเดอร์ใช้งานอยู่ได้ครับ
ตัวอย่างรูปแบบการเคลื่อนที่ Momentum เครื่องมือ RSI
ประโยชน์และวิธีใช้ RSI 2 วิธีง่ายๆและเป็นที่นิยม
1. RSI เป็นเครื่องมือบอก Oversold และ Overbought
Overbought
หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าค่ามาตรฐานของ RSI จะอยู่ที่ 50 แต่เมื่อไหร่ที่เส้น RSI อยู่ในระดับมากกว่า 70 นั้นแสดงว่าราคาหุ้นขึ้นมาเยอะมีการทำ Overbought แปลได้ไม่ยากเลยว่าราคาหุ้นร้อนแรงเกินไป ดังนั้นราคาหุ้น “อาจจะ“ มีแนวโน้มปรับฐานระยะสั้นเพื่อลดความร้อนแรงลงมา
Oversold
เมื่อเห็นคำนี้แล้วคงเดาได้ไม่ยากว่าหมายถึงอะไร เพราะ ต้องตรงกันข้ามกับคำว่า Overbought แน่ๆ ผมบอกเลยว่าเดาไม่ผิด เพราะ ถ้า RSI อยู่ในระดับน้อยกว่า 30 นั้นแสดงว่าราคาหุ้นลงมาเยอะมากแล้วจึงเกิดสภาวะ Oversold ดังนั้น ราคาหุ้น “อาจจะ” เด้งขึ้นได้บ้างในระยะสั้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์พิเศษ
บางครั้ง RSI อยู่ในสภาวะ Overbought แล้วยังสามารถขึ้นต่อไปได้เรื่อยๆ แสดงว่าหุ้นอยู่ในสภาวะขาขึ้นแข็งแกร่ง นักเก็งกำไรบางกลุ่มตีความว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ควรเข้าไปซื้อเก็งกำไร ในทิศทางเดียวกัน หุ้นที่ลงมาเยอะอยู่ในสภาวะ Oversold กลับไม่รีบาวเลย จึงตีความได้ว่าหุ้นเป็นเทรนขาลงอ่อนแอมาก นักเก็งกำไรบางคนจึงไม่เข้าไปซื้อหุ้น ดังนั้นการตีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
จุดซื้อ – จุดขายเมื่อใช้ RSI แบบ Oversold และ Overbought
มาพูดถึงการเข้าซื้อ-ขาย เมื่อใช้ RSI กันดีกว่า…เมื่อเราเปิดการใช้งาน RSI ได้เรียบร้อยแล้ว สังเกตว่า RSI จะมี 2 ช่วง คือ Overbought และ Oversold
✓ เราจะพิจารณาซื้อ หรือ Buy ต่อเมื่อ Oversold เพราะหุ้นมีแนวโน้มขึ้น
✓เราจะพิจารณาขาย หรือ Sell ต่อเมื่อ Overbought เพราะหุ้นมีแนวโน้มลง
ให้สังเกตเมื่อเส้น RSI ขยับไปในทิศทางที่มากกว่า 50 – น้อยกว่า 50 เราสามารถพิจารณาออกออเดอร์ได้
ข้อแนะนำ
หลายคนตีความว่าถ้าค่า RSI ขึ้นไปสูงกว่า 70 แปลว่ามีคนซื้อหุ้นมากเกินไปอนาคตหุ้นจะลง ให้ขายหุ้น หรือ เมื่อ RSI มีค่าต่ำกว่า 30 แปลว่ามีคนขายมากเกินไปอนาคตหุ้นจะขึ้น ให้ซื้อหุ้น ซึ่งเป็นวิธีแปลความหมาย RSI ที่ไม่ถูกต้อง เพราะ RSI ไม่ใช่สัญญาณซื้อ
2. RSI เป็นเครื่องมือบอก Divergence ที่ดูง่ายกว่าเครื่องมืออื่นๆ
Divergence คือ สัญญาณขัดแย้งระหว่าง “ราคาหุ้น” และ “Indicator” ซึ่งจะบ่งชี้ถึงสัญญาณในการกลับตัวของราคาในอนาคตได้ มี 2 แบบดังนี้
2.1 Bullish Divergence
เป็นสัญญาณ Momentum ของราคาหุ้นให้รู้ว่าทิศทาง “ขาลง” เริ่มอ่อนแรง ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการเด้งขึ้นชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้นจริงๆในอนาคต
2.2 Bearish Divergence
เป็นสัญญาณ Momentum ของราคาหุ้นในทิศทาง “ขาขึ้น” เริ่มอ่อนแรง ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการพักตัวชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวลดลงในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลดลงจริงๆ ในอนาคต
ที่สำคัญ Divergence ที่นิยมใช้กันมาก เมื่อนิยมใช้กันมาก คนส่วนใหญ่เห็นแบบเดียวกันจึงให้ “แนวโน้ม” ที่มีความเป็นไปได้สูง
จุดซื้อ – จุดขายเมื่อใช้ RSI แบบ Divergence
เมื่อพูดถึงการเข้าซื้อ-ขาย เมื่อใช้ RSI แบบ Divergence เราจะสังเกตได้ว่า RSI ลักษณะนี้จะมีทิศทางของกราฟราคาและ Indicator ที่ขยับไปคนล่ะทางและดูขัดแย้งกันมี 2 ลักษณะ คือ Bullish Divergence และ Bearish Divergence
✓ เราจะพิจารณาซื้อ หรือ Buy ต่อเมื่อ Oversold เพราะหุ้นมีแนวโน้มขึ้น
✓เราจะพิจารณาขาย หรือ Sell ต่อเมื่อ Overbought เพราะหุ้นมีแนวโน้มลง
ให้สังเกตเมื่อเส้น RSI ขยับไปในทิศทางที่มากกว่า 50 – น้อยกว่า 50 เราสามารถพิจารณาออกออเดอร์ได้
ข้อแนะนำ
นักลงทุน ก็รู้กันอยู่แล้วว่ากราฟเส้น RSI เป็น Indicators ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Momentum แต่ผมอยากแนะนำว่าการที่ลงมือขายหุ้นทันทีที่ RSI ส่งสัญญาณ Bearish Divergence หรือลงมือซื้อหุ้นทันทีเมื่อ RSI ส่งสัญญาณ Bullish Divergence เป็นวิธีการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง เพราะสัญญาณ Divergence เป็นเพียงสัญญาณเตือนล่วงหน้าเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญาณที่จะให้ลงมือซื้อหรือขายหุ้นทันที
จะเห็นได้ว่าแค่เครื่องมือตัวเดียว แต่มีวิธีใช้ที่แตกต่างกัน ใช้ไม่เหมือนกัน อ่านค่าไม่เหมือนกัน ซึ่งมีมากกว่า 2 วิธี แต่วิธีที่ผมหยิบมาให้เป็นวิธีที่ง่ายและนิยมใช้กันมาก โดยถือว่า RSI เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่นิยมใช้กันมากสำหรับนักเก็งกำไร ทั้งนี้ผมขอบอกว่า RSI เพียงอย่างเดียวในการบ่งบอกการซื้อขายถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมีโอกาสผิดพลาดสูง โดยเราต้องใช้ความรู้ในด้านอื่นๆประกอบการตัดสินใจด้วยครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
#CISThai
Line Official: https://lin.ee/jO65rNq
Website: https://connectthedotsth.com/
FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace