ในช่วงปลายปีนี้ได้เกิดจุดเปลี่ยนคือการค้นพบวัคซีนต้านไวรัสโควิดที่สามารถนำมาใช้กับมนุษย์ได้จริงและกำลังเร่งผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก ทำให้เกิดความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นกลับมาได้เร็วขึ้นทำให้สินทรัพย์แบบดั้งเดิมหรือ Traditional Asset เช่นสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นที่ยังดำเนินธุรกิจ Old Economy มีความหวังว่าจะสร้างผลตอบแทนคืนกลับมาได้
เห็นได้จากดัชนี Dow Jones ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจการประเภท Old Economy สามารถฟื้นตัวกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้แล้วรวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ขึ้นแรงมาในเดือนพฤศจิกายนก็ได้รับแรงส่งในเหตุผลเดียวกัน
ในฐานะนักลงทุนเราจะเลือกลงทุนสินทรัพย์ใดระหว่าง Traditional หรือ Disruptive Asset ??
ผมมองว่าถึงเวลาที่จะเริ่มหันมาศึกษา Traditional Asset เอาไว้บ้างโดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกเทขายหนักในปีนี้อาจจะฟื้นกลับมาในปี 2021 แต่ขอให้เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการที่จะฟื้นตัวมาได้อย่างรวดเร็วหรือหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาดไว้ก่อน เพราะเวลาเศรษฐกิจฟื้นกลุ่มนี้จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนก่อน
บางอุตสาหกรรมที่ดูแล้วยังต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะกลับมาปกติก่อนที่จะเกิดไวรัสโควิดอย่างเช่นสายการบินอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามกิจการในกลุ่ม Old Economy อาจจะฟื้นกลับมาได้ในปี 2021 แต่เราต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาว่ากิจการมีโอกาสที่จะเติบโตในยุค Next Normal ได้มากน้อยเพียงใด เพราะถ้า Business Model ยังไม่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้ โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีอาจจะมีแค่ปี 2021 เท่านั้น
ขณะที่กลุ่ม Disruptive Asset ที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในปีนี้ก็ใช่ว่าจะยังมีการเติบโตต่อในปี 2021 และปีต่อๆไปได้ทุกราย บางธุรกิจอาจจะได้รับผลประโยชน์จากผลกระทบชั่วคราวจากโควิดเท่านั้น หากหมดปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้วก็อาจจะหมด Growth Story ได้เช่นกัน
สรุปก็คือในปี 2021 ผมยังมองว่าเป็นปีที่ดีสำหรับทั้ง Traditional และ Disruptive Asset เพียงแต่เราต้อง Selective เลือกสินทรัพย์ให้ถูกตัวมากขึ้น เราจึงต้องศึกษาเรื่องของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นใหม่หลังจากนี้ให้ออกและเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตไปกับเทรนด์นั้นๆ
ส่วนของตลาดหุ้นไทย ส่วนตัวผมมองว่าหุ้นขนาดใหญ่เกือบทั้งหมดยังเป็น Old Economy ที่น่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ในปีหน้าและในระยะกลางผมก็มองว่ามีโอกาสที่ SET Index จะกลับไปยืนที่จุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,800 จุด ได้ เพราะหุ้นขนาดใหญ่ของไทยหลายตัวก็มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งตลาดที่สูงและบางกิจการยังติดอันดับต้นๆของโลก
แต่ถ้าถามว่าจะไปได้ไกลกว่าระดับ 1,800 จุดไหมต้องติดตามกันว่ากิจการของไทยสามารถปรับตัวเข้าสู่ยุค Next Normal ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งตรงกับบทวิจัยจากหลายสำนักทางเศรษฐกิจว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดกิจการที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยี ถ้าหากในอนาคตบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของเรามีหุ้นที่เก่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตรกรรมเกิดขึ้นก็น่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ
หากสนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศกับ eToro ได้ ที่นี่ เพราะ eToro เป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือโดยได้รับความไว้วางใจภายใต้การกำกับของ FCA และ CySec และนักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าเงินทุนของท่านได้รับการคุ้มครองด้วยโปรโตคอลความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรมอย่างมั่นคงปลอดภัย นอกจากนั้นคุณจะได้รับความเป็นส่วนตัวระดับสูง เพราะ เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
#CISThai
Line Official: https://lin.ee/jO65rNq
Website: https://connectthedotsth.com/
FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace