ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของไทย สู่เครือค้าปลีกเบอร์ 1 ของอาเซียน
ถ้าพูดถึงห้างสรรพสินค้าในไทย ชื่อแรกที่น่าจะอยู่ในใจของใครหลายคนคงเป็น เซ็นทรัล (Central)
เพราะนอกจากจะสาขามากมายและเป็นเครือห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของไทยแล้ว กลุ่มเซ็นทรัลยังเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าในระดับสากลอีกด้วย
อาจเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรยักษ์ใหญ่ในอุสาหกรรมค้าปลีกอย่างแท้จริง
ส่งผลให้ตระกูลดังเจ้าของเซ็นทรัลอย่าง ‘จิราธิวัฒน์’ ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 ในไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 4 แสนล้านบาท
ซึ่งความสำเร็จของกลุ่มเซ็นทรัลมาจากการขับเคลื่อนของชายที่นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหาร ‘คุณทศ จิราธิวัฒน์’
คุณทศ คือทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์
ลูกชายคนที่ 10 ของ ‘สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์’
และเป็นหลานของ ‘เตียง จิราธิวัฒน์’ ผู้เริ่มก่อตั้งร้านค้าปลีกเล็ก ๆ ในตึกแถวย่านเจริญกรุง ก่อนจะเติบโตมาเป็นเซ็นทรัลกรุ๊ปในปัจจุบัน
ในฐานะลูกหลานจิราธิวัฒน์ คุณทศได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี มีปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ จาก Wesleyan University และปริญญาโท MBA (Finance) จาก Columbia University ประเทศสหรัฐอเมริกา
รวมทั้งศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วย
ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณทศมีศักยภาพและความรู้ในการทำธุรกิจเพียบพร้อมต่อการสานต่อการบริหารอาณาจักรของครอบครัว แต่ก็ใช่ว่าจะไปถึงยอดได้โดยไม่ต้องไต่เต้า
ปี 2532 คือปีแรกที่คุณทศได้ก้าวขาเข้ามามีบทบาทในอาณาจักรของครอบครัว ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ดูแลธุรกิจด้านสอสังหาริมทรัพย์
ใช้เวลาไม่นานในการสั่งสมประสบการณ์ก็หันมาดูแลสายค้าปลีก ในปี 2536 คุณทศซึ่งยังถือว่าเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่วัย 30 ก่อตั้ง ‘บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ (Big C Super Center)’ เป็นธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกของไทยในรูปแบบ SME ซึ่งก็ใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็สามารถทำรายได้กว่า 30 ล้านบาท นำเสนอวิธีการชอปแบบใหม่ให้กับผู้คน
ปี 2539 คุณทศได้รับตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และในปี 2545 ก็ยังได้ขึ้นมาเป็น กรรมการผู้จัดการใหญ่
ต่อมาปี 2553 ยังได้เป็น กรรมการ บริษัท เซ็นทรัลแอมบาสซีโฮเต็ล จํากัด ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารงานโรงแรม
และในที่สุดปี 2557 คุณทศก็ได้ไต่ขึ้นมาที่ปลายยอด ขึ้นเป็น ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จํากัด ทำให้เขามีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนอาณาจักรเซ็นทรัลให้เติบโตกว่าที่เคย
หลังจากคุณทศเข้ามาก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2563 เซ็นทรัลรีเทล คอเปอเรชั่น หรือ CRC ได้ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยราคาเสนอขายที่ 42 บาทต่อหุ้น
และกลายเป็นการ IPO ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย กลายเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 15 ลำดับแรก ได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วัน
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ เซ็นทรัลกรุ๊ปเป็นทุนค้าปลีกไทยข้ามชาติรายแรก คุณทศช่วยผลักดันขยายอาณาจักรออกไประดับสากล
เพราะนอกจากจะเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในไทยแล้ว ก็ยังครองตลอดเวียดนาม ด้วยร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้ารวมนับร้อยสาขาทั่วประเทศ และได้เริ่มบุกตลาดมาเลเซียด้วย
นอกเหนือจากในอาเซียนแล้ว เซ็นทรัลยังลงเล่นในตลาดห้างสรรพสินค้าหรูระดับโลก ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขาทั่วโลก
เริ่มมาตั้งแต่ปี 2554 ที่ซื้อ ‘รีนาเชนเต (Renascente)’ กิจการห้างหรูในอิตาลี มาจนถึงล่าสุดในปี 2564 จับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ‘ซิกน่า (Signa)’ บริษัทอสังหาฯ และรีเทลชั้นนำในยุโรป
ปิดดีลกิจการกลุ่ม ‘เซลฟริดเจส (Selfridges Group)’ ซึ่งครอบครองห้างแบรนด์ดังอย่าง อาร์นอตส์ (Arnotts) และ บราวน์ โธมัส (Brown Thomas) ประเทศไอร์แลนด์ , ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ประเทศเนเธอร์แลนด์, เซลฟริดเจส (Selfridges) ประเทศอังกฤษ
ซึ่งหลังจากปิดดีลแล้วคุณทศก็เข้าไปนั่งตำแหน่งประธานของกลุ่มเซลฟริดเจส ร่วมกับ ‘ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ (Dieter Berninghaus)’ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มซิกน่า
นอกจากนี้ เซ็นทรัลกรุ๊ปภายใต้การบริหารของคุณทศยังให้ความสำคัญกับเรื่องอีคอมเมิร์ซมาก ทำให้อีคอมเมิร์ซของเซ็นทรัลในยุโรปเองสร้างรายได้กว่า 3.8 หมื่นล้านบาทในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
โดยตลอด 76 ปีที่ผ่านมาอาจสรุปได้ว่าเซ็นทรัลเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีและมีศักยภาพสูงมาก จากร้านค้าปลีกในตึกแถวเล็ก ๆ กลางกรุง สู่ธุรกิจที่แผ่ขยายไประดับสากล ทั้งจากความมุมานะของรุ่นบุกเบิกอย่างคุณเตียงและคุณสัมฤทธิ์ สู่การบริหารธุรกิจในมือของทายาทรุ่นสามอย่างคุณทศ ก็ทำให้เซ็นทรัลกรุ๊ปเป็นธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จระดับโลก