“King Power” เมื่อพูดถึงชื่อนี้ก็รับรู้ได้ถึงพลัง พลังที่ขับเคลื่อนแบรนด์ไทยสู่สากล เป็น Duty Free อันดับ 1 ของโลก พลังที่ขับเคลื่อนสโมสรเบอร์รองให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และปลดหนี้พันล้านได้สำเร็จ นี่คือพลังของ ต๊อบ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
คุณต๊อบ เป็นลูกชายคนเล็กของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ให้กำเนิด King Power เป็นคนที่สนิทกับพ่อที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้ง 4 คน เนื่องจากมักไปรอพ่อเลิกงานเป็นประจำและใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยตั้งแต่เด็ก
พอคุณต๊อบจบบริหารธุรกิจจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และไปเรียนต่อสายบริหารที่มหาวิทยาลัยเดอมองฟอร์ตประเทศอังกฤษ ซึ่งหลังจากเรียนจบ ก็ขอเวลาพักผ่อนเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ก่อนที่จะเอาความรู้งานบริหารแบบจัดเต็มกลับมาช่วยงาน King Power ในช่วงที่กำลังรุ่งเรือง
ปี 2552 คุณต๊อบในวัย 24 ปีเข้ามาทำงานในอาณาจักรของพ่อในตำแหน่งผู้ช่วย เนื่องจากผู้เป็นพ่อเห็นว่าในตำแหน่งนี้จะได้ติดต่อกับทุกแผนก และสามารถเรียนรู้งานได้ครอบคลุม ซึ่งแม้งานจะท้าทายแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับคุณต๊อบ ที่คุ้นเคยกับเหล่าผู้บริหารและเห็นการทำงานของพ่อมาตั้งแต่เด็ก จึงสามารถพูดคุย ขอคำปรึกษาและแลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงานกับผู้บริหารเหล่านี้ได้เสมอ กลายเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้บริหารมากประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี
แม้การเป็นลูก CEO ที่ได้เริ่มงานด้วยตำแหน่งสูงจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่คุณวิชัยไม่ได้อยากให้คุณต๊อบถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น เพราะฉะนั้นในฐานะลูกชาย คุณต๊อบไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือพนักงานคนอื่น ทั้งเวลารับโทษ คุณต๊อบยังโดนมากกว่าคนอื่น 2-3 เท่าตัวเลย
นอกจากเลือดนักธุรกิจแล้ว อีกอย่างที่พ่อลูกคู่นี้มีเหมือนกันคือความหลงใหลในกีฬาฟุตบอล คุณต๊อบเองชื่นชอบฟุตบอลตั้งแต่เล็ก เลือกเรียนประถมที่เซนต์คาเบรียลก็เพราะมีสนามฟุตบอล และยังได้เป็นนักบอลทีมโรงเรียนด้วย ส่วนคุณวิชัยก็ชื่นชอบฟุตบอลมาก และฝันอยากเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลมาตลอด ถึงขนาดเคยไปติดต่อขอซื้อสโมสร Reading สโมสรฟุตบอลในลีกวัน ของประเทศอังกฤษ แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะขาดประสบการณ์ในธุรกิจนี้
จนในที่สุดคุณวิชัยก็ไปเจอกับ Leicester City ในลีกแชมเปียนชิป ที่กำลังต้องการคนซื้ออยู่พอดี และเห็นว่าเป็นเมืองที่ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก คุณวิชัยจึงลงทุนกว่า 40 ล้านปอนด์ ซื้อสโมสรอย่างไม่ลังเล และมอบหมายให้คุณต๊อบในวัย 25 ปีดูแล
เป้าหมายแรกของเลสเตอร์ซิตี้ในมือคุณต๊อบ คือการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกซึ่งนับว่าเป็นโจทย์ที่หินมาก ต้องบริหารทั้งคนทั้งงาน และทำให้ทุกคนเห็นภาพเป้าหมายแบบเดียวกันให้ได้ โดยช่วงนั้นคุณต๊อบใช้เวลาอยู่ที่เลสเตอร์ถึง 6 เดือนเต็ม
คุณต๊อบปรับเปลี่ยนยกเครื่องทีมจิ้งจอกครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้จัดการทีมและเสริมทัพนักเตะ ทุ่มงบประมาณมหาศาล และนอกจากเรื่องทีมแล้ว และผสานวัฒนธรรมความใส่ใจแบบไทย ๆ เข้าไป อีกทั้งยังนำเอาประสบการณ์บริหารการค้าปลีกจาก King Power มาใช้กับร้านขายของที่ระลึกของเลสเตอร์ ให้มีความทันสมัย สินค้ามากมายและเป็นระบบระเบียบขึ้น พร้อมขยายสนามความจุมากขึ้น และเปลี่ยนชื่อเป็น King Power Stadium ลงทุนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ราว 80 ล้านปอนด์
ในตอนนั้นคนในวงการฟุตบอลรวมถึงแฟนบอลบางส่วนก็มีกระแสต่อต้าน และคิดว่าการเข้ามาคุมเลสเตอร์ของคุณต๊อบไม่น่าจะได้เรื่อง เพราะเป็นนักธุรกิจที่ไม่ได้รู้เรื่องฟุตบอลดี แต่นั่นคือสิ่งที่เขาจะต้องพิสูจน์ให้ผู้คนได้เห็น
ความพยายามครั้งแรกในการลุยพรีเมียลีกฤดูกาล 2012-2013 ยังไม่เกิดผล จนคุณต๊อบผิดหวังมาก แต่แม้จะทำให้คุณต๊อบท้อ ด้วยคำแนะนำนของคุณพ่อ เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ฤดูกาล 2013-2014 เลสเตอร์ติดพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จและจบอันดับที่ 14 และหลังจากนั้นในฤดูกาล 2015-2016 เลสเตอร์สร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แบบไม่มีใครคาดคิด เปลี่ยนจากทีมท้ายแถวที่แทบไม่มีใครพูดถึง ให้กลายเป็นสโมสรแถวหน้าในวงการฟุตบอลอังกฤษ และแน่นอนว่า ลบล้างทุกคำสบประมาทได้สำเร็จ หลังจากนั้นเลสเตอร์ก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะคว้าอีกหลายแชมป์
นอกจากพาเลสเตอร์สร้างแชมป์ ที่ผ่านมาคุณต๊อบยังได้ปลดหนี้ให้เลสเตอร์ถึงสองครั้งด้วยการแปลงหนี้เป็นทุนจากบริษัทแม่อย่าง King Power ครั้งแรกในปี 2013 จำนวน 4,000 ล้านบาท และครั้งล่าสุดคือต้นปีนี้เกือบ 8,000 ล้านบาท
คุณต๊อบประสบความสำเร็จกับเลสเตอร์ซิตี้มาก และเคยได้รับคะแนนโหวตจากแฟนบอลให้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุดด้วย
หลังพาทีมคว้าแชมป์และวางระบบที่แข็งแรง คุณต๊อบได้ลดบทบาทในการดูแลทีมลง และกลับมาดูแลงานฝั่ง King Power มากขึ้น โดยเฉพาะหลังการจากไปของคุณวิชัยในปี 2561 คุณต๊อบขึ้นเป็น CEO ของ King Power Group ต่อจากคุณพ่อ และสานต่อความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรนี้
ในปี 2561 คิงพาวเวอร์เข้าซื้อตึก มหานคร สถาปัตยกรรมกลางกรุงรูปแบบทันสมัย ให้วิวกรุงเทพฯ ที่งดงามจากความสูงถึง 314 เมตร 78 ชั้น สูงที่สุดในไทย ในปี 2562 ไทยก็ต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ King Power ที่ทำรายได้จากร้านค้าปลีกปลอดภาษีในสนามบินเป็นหลัก ก็ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ
แต่ด้วยความเชื่อที่สืบทอดจากคุณพ่อว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้” ทำให้คุณต๊อบมุ่งมั่นพาบริษัทและพนักงานนับหมื่นชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นี้ไปภายใต้แนวคิด “ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้” และได้นำพนักงานที่ต้องอยู่บ้านปรับตัวเข้าสู่อีคอมเมิร์ช ที่ยังพอช่วยให้มีรายได้หล่อเลี้ยงบริษัทและพนักงาน
นอกจากนี้ในช่วงที่มีการประมูลสัมปทานกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในสนามบิน King Power ก็ชนะขาดลอย และได้บริหารอย่างก้าวหน้าไปยาว ๆ อีก 10 ปี และมีการปรับปรุงร้านค้าครั้งใหญ่ และลงทุนกับร้านค้าปลีกนอกสนามบิน เพื่อเตรียมรับการกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านของผู้บริโภค
King Power ภายใต้การนำของคุณต๊อบ ดำเนินการด้วย 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร (Travel Retail), กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retail), กลุ่มธุรกิจอาหาร (Dining), กลุ่มธุรกิจโรงแรม (Hospitality), กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products), กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์ (Travel Experiences), กลุ่มธุรกิจกีฬา (Sports) และกลุ่มกิจกรรมเพื่อคืนประโยชน์ให้สังคม (CSR)
ทุกวันนี้ King Power ยังเติบโตด้วยอย่างแข็งแกร่งภายใต้การดูแลของคุณต๊อบ อัยยวัฒน์ ที่เข้ามาสานต่องานของคุณพ่อวิชัย ที่ได้ฝากฝังอาณาจักรมูลค่าแสนล้านนี้ไว้เป็นอย่างดี