การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถฟื้นตัวกลับมายังจุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตโควิดได้และดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาได้ ส่วนสำคัญมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพียงไม่กี่ตัวอย่าง Facebook,Amazon,Netflix,Alphabet ฯลฯ เท่านั้น
หันกับมามองตลาดหุ้นไทย จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะฟื้นตัวกลับไปยังจุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตได้แถมกำลังจะถอยกลับลงมายังจุดเดิมอีกด้วย เนื่องจากพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังพึ่งพาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดเป็นหลักอย่างเช่นการท่องเที่ยว (เช่นหุ้น AOT) รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่ราคาพลังงานถดถอย เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารและค้าปลีก
คำถามคือแล้วตลาดหุ้นไทยพอจะมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่จะเป็น “ดาวรุ่ง” ให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงเช่นเดียวกับต่างประเทศหรือไม่??
ที่จริงแล้วตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดหมวดหมู่ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) และหุ้นหลายตัวที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นก็มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มเทคโนโลยีจะสามารถลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี เรามาดูกันว่าหุ้นที่จะสามารถเติบโตได้หลายเท่า (Expotential Growth) จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
ข้อหนึ่ง..มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง หากสังเกตุบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของโลกจะเห็นได้ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทางด้านนวัตรกรรมหรือมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองทั้งสิ้นไม่มีรายใดที่เป็นผู้รับจ้างผลิต หรือถ้ารับจ้างผลิตก็ต้องมีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นของตัวเอง
ข้อสอง..ต้อง Scale Up ได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นของการนำเทคโนโลยีมาเป็นรากฐานของธุรกิจก็คือการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มอีก ลองมองหาดูว่าบริษัทใดที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มของตัวเองที่พร้อมจะขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทันทีแบบ Netflix
ข้อสาม..ต้องเกาะกระแสเมกะเทรนด์ ต่อให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใดแต่ไม่สามารถที่จะเติบโตได้ตามกระแสของเมกะเทรนด์ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ เช่น ไบโอเทคโนโลยี,อีคอมเมิร์ซ,สังคมผู้สูงอายุ ฯลฯ รวมถึงจะต้องขยายธุรกิจไปยังระดับโลกได้โดยไม่จำกัดตลาดเฉพาะประเทศไทย
ข้อสี่..สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของไทยจะมีรูปแบบธุรกิจที่เป็นการรับจ้างผลิตหรือ Outsource แบบ B2B ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน แต่การที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงจำเป็นที่จะต้องมีโปรดักต์เป็นของตัวเอง กล่าวคือสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพางานประมูลซึ่งมีอัตรากำไรที่ต่ำ
ข้อห้า..มีรากฐานอยู่ในอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง แม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศผู้ส่งออกเทคโนโลยีแบบสหรัฐฯหรือจีน แต่หากบริษัทใดที่นำเทคโนโลยีมาเป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความชำนาญและเข้มแข็งอย่างเช่น ท่องเที่ยว อาหาร การเกษตรและสุขภาพ ก็ยังพอที่จะมีแรงขับเคลื่อนให้กิจการเติบโตได้เช่นกัน
ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่กำลังถูก Disrupt อย่างหนัก หากเราสามารถมองหาหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับสูงได้ ก็มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างดีนในระยะยาว แม้ตลาดหุ้นไทยยังขาดแคลนบริษัทที่มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี แต่อนาคตไม่นานจากนี้เราคงได้มีโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เข้าขั้นระดับโลกที่มีพื้นฐานตั้งอยู่ในประเทศไทยบ้างแน่นอน
หากสนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทย
สำหรับนักลงทุนที่สนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทยกับ KTBST ได้ ที่นี่ เพราะ KTBST มีค่าธรรมเนียมต่ำ เป็น “ สถาบันการเงิน ” ในประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในการให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ถือหุ้น “เติบโตอย่างยั่งยืน” และมีส่วนช่วยสังคมในการ “ พัฒนาตลาดทุน ”
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
#CISThai
Line Official: https://lin.ee/jO65rNq
Website: https://connectthedotsth.com/
FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace