CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี”แบบไหนที่ตลาดหุ้นไทยต้องการ
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > ข่าวลงทุนรอบโลก > ตลาดหุ้นไทย > “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี”แบบไหนที่ตลาดหุ้นไทยต้องการ
ข่าวลงทุนรอบโลกตลาดหุ้นไทยทั้งหมด

“หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี”แบบไหนที่ตลาดหุ้นไทยต้องการ

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 2:15 PM
connectthedots admin Published October 26, 2020
Share

การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถฟื้นตัวกลับมายังจุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตโควิดได้และดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาได้ ส่วนสำคัญมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพียงไม่กี่ตัวอย่าง Facebook,Amazon,Netflix,Alphabet ฯลฯ เท่านั้น

            หันกับมามองตลาดหุ้นไทย จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะฟื้นตัวกลับไปยังจุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตได้แถมกำลังจะถอยกลับลงมายังจุดเดิมอีกด้วย เนื่องจากพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังพึ่งพาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดเป็นหลักอย่างเช่นการท่องเที่ยว (เช่นหุ้น AOT) รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่ราคาพลังงานถดถอย เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารและค้าปลีก

            คำถามคือแล้วตลาดหุ้นไทยพอจะมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่จะเป็น “ดาวรุ่ง” ให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงเช่นเดียวกับต่างประเทศหรือไม่??

            ที่จริงแล้วตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดหมวดหมู่ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) และหุ้นหลายตัวที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นก็มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจเช่นกัน

            แต่ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มเทคโนโลยีจะสามารถลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี เรามาดูกันว่าหุ้นที่จะสามารถเติบโตได้หลายเท่า (Expotential Growth) จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

            ข้อหนึ่ง..มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง หากสังเกตุบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของโลกจะเห็นได้ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทางด้านนวัตรกรรมหรือมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองทั้งสิ้นไม่มีรายใดที่เป็นผู้รับจ้างผลิต หรือถ้ารับจ้างผลิตก็ต้องมีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นของตัวเอง

            ข้อสอง..ต้อง Scale Up ได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นของการนำเทคโนโลยีมาเป็นรากฐานของธุรกิจก็คือการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มอีก ลองมองหาดูว่าบริษัทใดที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มของตัวเองที่พร้อมจะขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทันทีแบบ Netflix

            ข้อสาม..ต้องเกาะกระแสเมกะเทรนด์ ต่อให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใดแต่ไม่สามารถที่จะเติบโตได้ตามกระแสของเมกะเทรนด์ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ เช่น ไบโอเทคโนโลยี,อีคอมเมิร์ซ,สังคมผู้สูงอายุ ฯลฯ รวมถึงจะต้องขยายธุรกิจไปยังระดับโลกได้โดยไม่จำกัดตลาดเฉพาะประเทศไทย

            ข้อสี่..สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของไทยจะมีรูปแบบธุรกิจที่เป็นการรับจ้างผลิตหรือ Outsource แบบ B2B ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน แต่การที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงจำเป็นที่จะต้องมีโปรดักต์เป็นของตัวเอง กล่าวคือสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพางานประมูลซึ่งมีอัตรากำไรที่ต่ำ

            ข้อห้า..มีรากฐานอยู่ในอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง แม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศผู้ส่งออกเทคโนโลยีแบบสหรัฐฯหรือจีน แต่หากบริษัทใดที่นำเทคโนโลยีมาเป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความชำนาญและเข้มแข็งอย่างเช่น ท่องเที่ยว อาหาร การเกษตรและสุขภาพ ก็ยังพอที่จะมีแรงขับเคลื่อนให้กิจการเติบโตได้เช่นกัน

            ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่กำลังถูก Disrupt อย่างหนัก หากเราสามารถมองหาหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับสูงได้ ก็มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างดีนในระยะยาว แม้ตลาดหุ้นไทยยังขาดแคลนบริษัทที่มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี แต่อนาคตไม่นานจากนี้เราคงได้มีโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เข้าขั้นระดับโลกที่มีพื้นฐานตั้งอยู่ในประเทศไทยบ้างแน่นอน

หากสนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทย

สำหรับนักลงทุนที่สนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทยกับ KTBST ได้ ที่นี่ เพราะ KTBST มีค่าธรรมเนียมต่ำ เป็น “ สถาบันการเงิน ” ในประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในการให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ถือหุ้น “เติบโตอย่างยั่งยืน” และมีส่วนช่วยสังคมในการ “ พัฒนาตลาดทุน ”

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

#CISThai

Line Official: https://lin.ee/jO65rNq

Website: https://connectthedotsth.com/

FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace

You Might Also Like

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

ธรรมาภิบาลไม่เหลือ แล้วจะให้เชื่อว่าหุ้นขึ้น?

Globlex มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 68 ที่ระดับ 1,330 – 1,530 จุดและกรอบราคาทองคำที่ 39,500 – 44,500 บาท 

บล.เอเซีย พลัส เปิดมุมมองตลาดหุ้นไทย เปิดศักราช 2568

TAGGED: Alphabet, Amazon, Facebook, Netflix, ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin October 26, 2020
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ‘บิทคอยน์’ แนวโน้มขาขึ้นรับกระแสเลือกตั้งสหรัฐฯ เล็งเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัล
Next Article ทองคำ-บิทคอยน์ แนวโน้มขาขึ้นรับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?