แชร์ความคิดกับ ช่วงการลงทุน 3 ระยะ
จากจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ คุณอยู่ระยะไหน?
.
ในตลาดการลงทุนผมเชื่อว่าเป้าหมายของคนที่เข้ามาอาจจะมีเป้าหมายแตกต่างกันไป
ตั้งแต่เทรดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อความสนุกไปจนถึงการตั้งเป้าที่จะมีอิสะภาพทางการเงินด้วยการลงทุน
.
สำหรับในมุมมองของผมที่สัมพัทธ์มาโดยมีคนรอบๆตัวหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เด็กมหาลัยที่เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาด ไปจนถึง นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มีภาพที่ค่อนข้างแตกต่างกัน วันนี้ผมจึงมาเริ่มเล่าจากประสบการณ์ที่ผมผ่านมา แล้วก็ขอยืมความรู้ที่ได้จากรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จแล้วมาเล่าให้ฟัง โดยแบ่ง ช่วงของ การลงทุนในตลาดการเงินเป็น 3 ช่วงด้วยกัน นั่นก็คือช่วงเริ่มต้น ช่วงที่ยืนระยะได้ และ ช่วงที่สำเร็จแล้ว
.
สำหรับผมในช่วงเริ่มต้นน่าจะเป็นสิ่งที่ยากมากที่สุด เพราะเราเข้ามาในตลาดใหม่ๆนั้น สิ่งที่เราต้องหาเพิ่มอย่างมากเลย คือ ความรู้ และ เงินทุน ด้วย 2 ปัจจัยนี้ใช้ทั้งเวลา และ พลังงานจำนวนมากจึงทำให้คนที่อยู่ในตลาดส่วนใหญ่ ซํก 70% ก็วนอยู่ที่จุดนี้ไม่สามารถก้าวขึ้นมาในระดับที่ 2 ได้ คำแนะนำของผมก็คือในช่วงแรกให้เราโฟกัส กับการหาเงินทุน ควบคู่กับการหาความรู้ไปด้วยความรู้ สิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้คือมีวินัย สิ่งที่ง่ายที่สุดคือ การวางแผนการใช้เงินแบบจริงจัง และ ตั้งเวลาในการอ่านหนังสือเพื่อหาความรู้ ในการหาความรู้มันไม่ค่อยมีสูตรสำเร็จเท่าไหร่ ไม่มีทางที่คุณจะไปลงคอสเรียน เพียงแค่ 1-2 คอสแล้วคุณจะเก่งเลย ผมคิดว่าเป็นไปได้ยาก คอสเรียนน่าจะแค่ช่วยให้คุณไปได้ไวขึ้น ถ้าคุณเจออาจารย์ที่ถูกจริตกับคุณ แต่ถ้าไม่ก็คงเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ ดังนั้นควรเลือกให้ดี
.
ใน Stage ที่ 1 ผมขอยกเป็น Case study ที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้สำหรับทุกคนแล้วกันนะครับ ในช่วงแรกๆที่เราพึ่งจะเรียนจบมาเข้าทำงาน เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ในช่วง 25,000 บาท โดยปกติแล้วใช้เงินต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาทแล้วเอามาลงทุน เดือนละ 10,000 บาท ปีนึงเราจะมีเงินเก็บประมาณ 120,000 บาท สำหรับคนที่ไม่มีเงินไปเรียนตามคอสต่างๆ สิ่งที่ผมแนะนำคือ หนังสือครับ เพราะถ้าพูดตามตรงคือ ความรู้ในปัจจุบันทั้งหมดที่ผมได้มา ไม่เคยลงเรียนที่ไหนเลย 99% ได้มาจากหนังสือ กับการลงมือทำเท่านั้น
.
ส่วนหนังสือที่ผมอ่านเล่มไหนมาบ้างแล้วคิดว่าดี จะลิสต์ให้ในท้ายบทความนะครับ
.
ซึ่ง stage แรกเนี่ย ความยากคือ เราลงแรงไปเยอะ แต่ผลตอบแทนที่ได้มามันจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ก็ขอให้ทุกคนอดทนไว้นะครับ ซึ่งผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ ว่ามีความสามารถหาเงินทุนได้เยอะแค่ไหน และ ความรู้มากแค่ไหน ผมเชื่อว่า stage นี้ใช้เวลาไม่ควรเกิน 10 ปี ถ้าคุณอยู่ในตลาดเกิน 10 ปีแล้วยังวนอยู่ใน stage นี้ผมคิดว่าตลาดการเงินอาจจะไม่ใช่คำตอบของคุณเท่าไหร่ อาจจะเอาเงินไปลงทุนผ่านกองทุนรวมน่าจะดีกว่า หรือ ถ้าใครยังอยากสู้ต่อผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
.
ใน Stage ที่ 2 คุณควรจะมีพอร์ทการลงทุนเป็นอย่างน้อย 200 เท่าของค่าใช้จ่ายแบบปกติของคุณ ในปัจจุบัน ถ้าคุณก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็เรียกได้ว่าคุณสามารถที่จะอยู่รอดในตลาดนี้ได้อย่างแน่นอน ตัวเลข 200 เท่านั้นมีที่มาก็คือ ถ้าคุณทำผลตอบแทนได้ปีละ 6 % คุณจะสามารถอยู่ได้โดยใช้เงินเท่านี้ต่อไปโดยที่เงินต้นไม่ลด ซึ่งผมมองว่าถ้าคุณปั้นพอร์ทมาได้ระดับนี้ละก็ ผลตอบแทนเท่านี้ น่าจะไม่ยากจนเกินไป ใน Stage นี้
.
ถ้าใครที่คิดอยากออกมาเป็น นักลงทุน Fulltime ละก็ คิดว่าสามารถออกมาได้เลยครับ แตุ่ถ้าคุณยังไม่ผ่าน จุดที่มีพอร์ทขนาด 200 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะขอให้แนะนำอดทนทำงานไปก่อนครับ
.
ใน Stage ที่ 3 คือจุดที่นักลงทุนใฝ่ฝันนั่นก็คือมีพอร์ทประมาณ 2,000 เท่าจากค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ถ้าคุณมีเงินประมาณนี้คือเรียกได้ว่าทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินอีกแล้วเพราะเพียงผลตอบแทนปีละ 0.6 % ก็สามารถทำให้คุณอยู่ได้ซึ่งผลตอบแทนระดับนี้พวกสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำก็สามารถที่จะพอให้คุณอยู่ได้ไปตลอดชีวิต ใน Stage นี้ผมจะเจอคน 2 ประเภทคือ มองการลงทุนเป็นเกมส์ขยายพอร์ทตัวเองไปเรื่อยๆ กับ เริ่มลงทุนแบบ Passive มากขึ้นแล้วไปใช้ชีวิตที่ตัวเองชอบ
.
จากที่เขียนมาทั้งหมดก็น่าจะเป็นภาพคร่าวๆและขนาดพอร์ทที่ควรมีของแต่ละ Stage ของนักลงทุน
เพื่อที่เป็นแนวทางให้คนที่ตั้งเป้าที่จะออกมาเป็นนักลงทุน Fulltime ครับ
.
ลิสต์รายชื่อหนังสือที่ คนเริ่มต้นในการลงทุนควรอ่าน
- One up on wall street
- Beating the street
- Buffettology
- กุญแจอ่านงบการเงิน – ของพี่เอิน
- เซียนหุ้นอัฉริยะ 1 – 2 – ของพี่ฮงสถาพร
- Yoyoway – ของพี่โยสันติ
- Dhandho Investor
- Investor mindset – ของพี่จิม Vitamin stock
- ตีแตก – ของ อ.นิเวศ
- Common Stocks and Uncommon Profits
- the most important thing illuminated
โดย: ฉัตรธนัตถ์ สิริรัตนภัทร์ (speculate investor)
แชร์ความคิดกับ ช่วงการลงทุน 3 ระยะ
จากจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ คุณอยู่ระยะไหน?
.
ในตลาดการลงทุนผมเชื่อว่าเป้าหมายของคนที่เข้ามาอาจจะมีเป้าหมายแตกต่างกันไป
ตั้งแต่เทรดเล็กๆน้อยๆเพื่อความสนุกไปจนถึงการตั้งเป้าที่จะมีอิสะภาพทางการเงินด้วยการลงทุน
.
สำหรับในมุมมองของผมที่สัมพัทธ์มาโดยมีคนรอบๆตัวหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เด็กมหาลัยที่เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาด ไปจนถึง นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มีภาพที่ค่อนข้างแตกต่างกัน วันนี้ผมจึงมาเริ่มเล่าจากประสบการณ์ที่ผมผ่านมา แล้วก็ขอยืมความรู้ที่ได้จากรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จแล้วมาเล่าให้ฟัง โดยแบ่ง ช่วงของ การลงทุนในตลาดการเงินเป็น 3 ช่วงด้วยกัน นั่นก็คือช่วงเริ่มต้น ช่วงที่ยืนระยะได้ และ ช่วงที่สำเร็จแล้ว
.
สำหรับผมในช่วงเริ่มต้นน่าจะเป็นสิ่งที่ยากมากที่สุด เพราะเราเข้ามาในตลาดใหม่ๆนั้น สิ่งที่เราต้องหาเพิ่มอย่างมากเลย คือ ความรู้ และ เงินทุน ด้วย 2 ปัจจัยนี้ใช้ทั้งเวลา และ พลังงานจำนวนมากจึงทำให้คนที่อยู่ในตลาดส่วนใหญ่ ซํก 70% ก็วนอยู่ที่จุดนี้ไม่สามารถก้าวขึ้นมาในระดับที่ 2 ได้ คำแนะนำของผมก็คือในช่วงแรกให้เราโฟกัส กับการหาเงินทุน ควบคู่กับการหาความรู้ไปด้วยความรู้ สิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้คือมีวินัย สิ่งที่ง่ายที่สุดคือ การวางแผนการใช้เงินแบบจริงจัง และ ตั้งเวลาในการอ่านหนังสือเพื่อหาความรู้ ในการหาความรู้มันไม่ค่อยมีสูตรสำเร็จเท่าไหร่ ไม่มีทางที่คุณจะไปลงคอสเรียน เพียงแค่ 1-2 คอสแล้วคุณจะเก่งเลย ผมคิดว่าเป็นไปได้ยาก คอสเรียนน่าจะแค่ช่วยให้คุณไปได้ไวขึ้น ถ้าคุณเจออาจารย์ที่ถูกจริตกับคุณ แต่ถ้าไม่ก็คงเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ ดังนั้นควรเลือกให้ดี
.
ใน Stage ที่ 1 ผมขอยกเป็น Case study ที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้สำหรับทุกคนแล้วกันนะครับ ในช่วงแรกๆที่เราพึ่งจะเรียนจบมาเข้าทำงาน เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ในช่วง 25,000 บาท โดยปกติแล้วใช้เงินต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาทแล้วเอามาลงทุน เดือนละ 10,000 บาท ปีนึงเราจะมีเงินเก็บประมาณ 120,000 บาท สำหรับคนที่ไม่มีเงินไปเรียนตามคอสต่างๆ สิ่งที่ผมแนะนำคือ หนังสือครับ เพราะถ้าพูดตามตรงคือ ความรู้ในปัจจุบันทั้งหมดที่ผมได้มา ไม่เคยลงเรียนที่ไหนเลย 99% ได้มาจากหนังสือ กับการลงมือทำเท่านั้น
.
ส่วนหนังสือที่ผมอ่านเล่มไหนมาบ้างแล้วคิดว่าดี จะลิสต์ให้ในท้ายบทความนะครับ
.
ซึ่ง stage แรกเนี่ย ความยากคือ เราลงแรงไปเยอะ แต่ผลตอบแทนที่ได้มามันจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ก็ขอให้ทุกคนอดทนไว้นะครับ ซึ่งผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ ว่ามีความสามารถหาเงินทุนได้เยอะแค่ไหน และ ความรู้มากแค่ไหน ผมเชื่อว่า stage นี้ใช้เวลาไม่ควรเกิน 10 ปี ถ้าคุณอยู่ในตลาดเกิน 10 ปีแล้วยังวนอยู่ใน stage นี้ผมคิดว่าตลาดการเงินอาจจะไม่ใช่คำตอบของคุณเท่าไหร่ อาจจะเอาเงินไปลงทุนผ่านกองทุนรวมน่าจะดีกว่า หรือ ถ้าใครยังอยากสู้ต่อผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
.
ใน Stage ที่ 2 คุณควรจะมีพอร์ทการลงทุนเป็นอย่างน้อย 200 เท่าของค่าใช้จ่ายแบบปกติของคุณ ในปัจจุบัน ถ้าคุณก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็เรียกได้ว่าคุณสามารถที่จะอยู่รอดในตลาดนี้ได้อย่างแน่นอน ตัวเลข 200 เท่านั้นมีที่มาก็คือ ถ้าคุณทำผลตอบแทนได้ปีละ 6 % คุณจะสามารถอยู่ได้โดยใช้เงินเท่านี้ต่อไปโดยที่เงินต้นไม่ลด ซึ่งผมมองว่าถ้าคุณปั้นพอร์ทมาได้ระดับนี้ละก็ ผลตอบแทนเท่านี้ น่าจะไม่ยากจนเกินไป ใน Stage นี้
.
ถ้าใครที่คิดอยากออกมาเป็น นักลงทุน Fulltime ละก็ คิดว่าสามารถออกมาได้เลยครับ แตุ่ถ้าคุณยังไม่ผ่าน จุดที่มีพอร์ทขนาด 200 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะขอให้แนะนำอดทนทำงานไปก่อนครับ
.
ใน Stage ที่ 3 คือจุดที่นักลงทุนใฝ่ฝันนั่นก็คือมีพอร์ทประมาณ 2,000 เท่าจากค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ถ้าคุณมีเงินประมาณนี้คือเรียกได้ว่าทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินอีกแล้วเพราะเพียงผลตอบแทนปีละ 0.6 % ก็สามารถทำให้คุณอยู่ได้ซึ่งผลตอบแทนระดับนี้พวกสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำก็สามารถที่จะพอให้คุณอยู่ได้ไปตลอดชีวิต ใน Stage นี้ผมจะเจอคน 2 ประเภทคือ มองการลงทุนเป็นเกมส์ขยายพอร์ทตัวเองไปเรื่อยๆ กับ เริ่มลงทุนแบบ Passive มากขึ้นแล้วไปใช้ชีวิตที่ตัวเองชอบ
.
จากที่เขียนมาทั้งหมดก็น่าจะเป็นภาพคร่าวๆและขนาดพอร์ทที่ควรมีของแต่ละ Stage ของนักลงทุน
เพื่อที่เป็นแนวทางให้คนที่ตั้งเป้าที่จะออกมาเป็นนักลงทุน Fulltime ครับ
.
ลิสต์รายชื่อหนังสือที่ คนเริ่มต้นในการลงทุนควรอ่าน
- One up on wall street
- Beating the street
- Buffettology
- กุญแจอ่านงบการเงิน – ของพี่เอิน
- เซียนหุ้นอัฉริยะ 1 – 2 – ของพี่ฮงสถาพร
- Yoyoway – ของพี่โยสันติ
- Dhandho Investor
- Investor mindset – ของพี่จิม Vitamin stock
- ตีแตก – ของ อ.นิเวศ
- Common Stocks and Uncommon Profits
- the most important thing illuminated
โดย: ฉัตรธนัตถ์ สิริรัตนภัทร์ (speculate investor)