ในยุคปัจจุบันที่โลกร้อนเป็นปัญหาร้ายแรง “พลังงานสะอาด” คือทางเลือกที่ “จำเป็น” ต่อการอยู่รอดของโลกนี้ ที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
ในไทยเองก็มีบริษัทที่ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่าง ‘พลังงานบริสุทธิ์’ หรือ ‘Energy Absolute (EA)’ บริษัทพลังงานสะอาดของไทย ที่นำโดยมหาเศรษฐีอันดับ 9 ของประเทศ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ผู้สร้างตัวขึ้นมาได้จาก “สายลม” และ “แสงแดด”
คุณสมโภชน์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยด้วย บริษัทนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน ซึ่งมุ่งเน้นที่พลังงานสะอาดเป็นสำคัญ ทั้งพลังงานไฟฟ้าจากลม และพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ทำให้คุณสมโภชน์เองถูกเรียกว่าเป็นคนที่ร่ำรวยขึ้นมาได้จากสายลมและแสงแดด
ซึ่งนอกจากธุรกิจผลิตพลังงานแล้ว ยังมีธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบทุกรูปแบบ ทั้งรถบัสไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า ขาดก็แค่เครื่องบินแล้ว นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงธุรกิจผลิตและพัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าด้วย เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจรสมกับชื่อบริษัทเลย
รู้จักกับโปรไฟล์บริษัทไปแล้ว มารู้จักโปรไฟล์ของ CEO บ้างดีกว่า
คุณสมโภชน์เติบโตมาในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก เพราะพ่อกับแม่เคยขาดโอกาสนั้นจากพิษสงครามโลก ทำให้ขยันสร้างเนื้อสร้างตัว พยายายามส่งลูก ๆ เรียนต่างประเทศได้หมดทุกคนไม่ว่าอยากเรียนอะไร ค่าใช้จ่ายเท่าไร ซึ่งตัวคุณสมโภชน์เองก็ได้ความใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาเต็ม ๆ และสนใจใฝ่รู้เรื่องอิเล็กทรอนิกส์มาตั้งแต่เด็ก พอเข้ามหาวิทยาลัยตัดสินใจเรียนวิศวะไฟฟ้าที่จุฬาฯ แต่ที่เรียนเพราะอยากรู้ ไม่ได้อยากทำ เพราะเห็นว่าคนจบวิศวะส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นเซลล์เอ็นจิเนียร์ ซึ่งตัวเองไม่ชอบ
ช่วงที่เรียนวิศวะอยู่คุณสมโภชน์จึงลงเรียนเพิ่มจาก 144 หน่วยกิต รวม ๆ ทั้งหลักสูตรเพิ่มไปเกือบ 170 หน่วยกิต เป็นวิชาที่ไม่ได้เกี่ยวกับวิศวะ แต่เกี่ยวกับการเงินการลงทุน เพราะเขารู้ดีว่านี่แหละคือสิ่งที่เขาอยากทำ และเมื่อเรียนจบก็ไปทำเซลล์เอ็นจิเนียร์ก่อนเพื่อเก็บประสบการณ์ เพราะวางแผนไว้แล้วว่าเดี๋ยวไปเรียนต่อการบริหารธุรกิจต่อ ต้องการความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจ เกี่ยวกับตลาด ซึ่งมองว่างานเซลล์ช่วยได้
จากนั้นก็เป็นไปตามแผน ไปเรียนมหาวิทยาลัยระดับ Top 20 ที่สหรัฐอเมริกา จบกลับมาก็ทำงานอย่างที่ตั้งใจ ทำงานในบริษัทไฟแนนซ์ และร่วมลงทุนกับเพื่อน ๆ เปิดทีเดียว 2-3 บริษัท ทั้งบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน บริษัทนำเข้าส่งออก และค้าขาย ใช้ชีวิตทำงานในวัยหนุ่มได้ขยันขันแข็งมาก
ไม่ว่าจะไปได้สวยแค่ไหน ถ้าเจอวิกฤติใหญ่ใครยังไงก็สะเทือน เมื่อตอนที่ไทยต้องเจอกับ “ต้มยำกุ้ง” คุณสมโภชน์เป็นโบรกเกอร์อยู่ ซึ่งบริษัทถูกขายให้ต่างชาติ ตัวเขาเองยังได้ทำงานต่อไปแต่ลูกน้องเขาไม่ได้โอกาสนั้น คุณสมโภชน์จึงได้ฉุกคิดว่าอยากทำอะไรที่ท้าทายเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ที่กำลังหมดโอกาส เขาจึงตัดสินใจรวบรวมเงินเข้าซื้อ ‘บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า’ และได้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
อยู่ในสายงานบริหารมาพักหนึ่งก็ได้มาจับธุรกิจพลังงาน จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทชื่อ ‘ซินเทค ปาล์มออยล์’ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ‘พลังงานบริสุทธิ์’ และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 2551 โดยอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวะและธุรกิจ มาวิเคราะห์แนวทางและความเป็นไปได้ต่าง ๆ เริ่มต้นด้วยการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล จากไอเดียการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้น
ในเวลาต่อมาคุณสมโภชน์เล็งเห็นว่าช่วงนั้นเริ่มมีการส่งเสริมให้ทำโซลาร์ฟาร์มผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจเพราะต้นทุนยังค่อนข้างแพงอยู่ แต่คุณสมโภชน์คิดว่ายังไงวันข้างหน้ามันก็ต้องถูกลงกว่านี้ การลงทุนจริง ๆ มันจะถูกลง และเราจะได้ผลตอบแทน ก็เลยตัดสินใจเข้าไปลงทุนกับพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2554 ผลิตพลังงานไฟฟ้าขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หลังจากนั้นในปี 2557 ก็ตัดสินใจลงทุนเพิ่มกับพลังงานสะอาดอย่างพลังงานลม และเริ่มขายไฟฟ้าจากพลังงานลมในปี 2560
เมื่อตัดสินใจทุ่มให้กับพลังงานสะอาดเต็มที่ ผ่านไปสักพักเริ่มเห็นถึง Pain Point สำคัญของพลังงานไฟฟ้า คือ ไม่ว่าแสงแดดและสายลมจะผลิตไฟฟ้าได้มากเท่าไร ก็เก็บไม่ได้ถ้าไม่มีแบตเตอรี่ และเห็นว่าเป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน จึงได้เริ่มหันมามุ่งเน้นด้านนวัตกรรมมากขึ้น เริ่มลงทุนกับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงสถานีอัดประจุฯ ตั้งแต่ปี 2561 และเปิดตัวโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2564
นอกจากนี้ คุณสมโภชน์ยังต่อยอดไปยังการประยุกต์ใช้แบตเตอรี่ในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านยานยนต์ เพราะเห็นว่าเทรนด์ของรถไฟฟ้ามาแน่ แล้วก็มาฮิตกันจริง ๆ เมื่อปีก่อน เขามีความคิดว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องทำให้ได้ก่อนคนอื่น และทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ จึงสร้างแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยเจ้าแรกอย่าง ‘Mine’ ขึ้นมา และใช้ส่วนประกอบต่าง ๆ จากผู้ผลิตในไทยด้วย เพราะมองว่าหากต้องการยกระดับให้ไทยสามารถสร้างผลผลิตและรายได้มากกว่านี้ ต้องมีแบรนด์ มีนวัตกรรมของตัวเองจึงจะสามารถเติบโตได้
Mine ผลิตทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและยานยนต์เชิงพาณิชย์ และคุณสมโภชน์ยังสร้างรถบัสไฟฟ้า ซึ่งเริ่มให้บริการวิ่งรับส่งผู้โดยสารจริงได้ปีกว่าแล้ว และยังมีเรือโดยสารไฟฟ้าอีกด้วย
ที่สำคัญคือเรื่องของสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งคุณสมโภชน์ได้พา EA นำทุกเจ้ามานานแล้ว มีจุดชาร์จไฟ ‘EA ANYWHERE’ กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ
ด้วยการวิเคราะห์โอกาสต่าง ๆ และกล้าที่จะเสี่ยง คุณสมโภชน์ได้เริ่มทำอะไรก่อนคนอื่นอยู่เสมอ และที่สำคัญคือไม่ยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิม จึงทำให้ EA สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อยู่และประสบความสำเร็จเป็นบริษัทผู้นำด้านพลังงานเจ้าหนึ่งของไทย และที่สำคัญคือคนไทยได้ประโยชน์เต็ม ๆ ภายใต้แนวคิดแบบ “Thailand First” ของเขา ที่ตั้งใจว่า “คนไทยต้องได้ประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนแปลง” ในยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและนวัตกรรมแบบนี้
ความสำเร็จของ EA สร้างรายได้ต่อปีหลักหมื่นล้าน โดยปี 2565 มีรายได้รวมกว่า 27,500 ล้านบาท กำไรกว่า 7,600 ล้านบาท และในปีนี้แม้ราคาหุ้น EA จะร่วงหนัก แต่เกือบปีที่ผ่านมาบริษัทก็ยังสร้างรายได้หลักหมื่นล้าน และกำไรพันล้านอยู่ คุณสมโภชน์จึงถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 9 ของมหาเศรษฐีไทย ด้วยทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
ที่มา: