ร้านแว่นตาในไทยมีทั้งหมด 30,000 กว่าร้าน แต่คุณคิดว่ามีนักทัศนมาตร หรือหมอสายตาอยู่ทั้งหมดกี่คนกัน
หนึ่งหมื่นคนเหรอ? ไม่ ห้าพันคนเหรอ? ไม่ แล้วหนึ่งพันคนล่ะ? ก็ไม่ใช่
เรื่องน่าประหลาดใจก็คือประเทศไทยเรามีนักทัศนมาตรเพียงแค่ 700 กว่าคนเท่านั้น! และราวครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 300 กว่าคนก็จำเป็นต้องประจำอยู่กับโรงพยาบาลรัฐ จนทำให้เหลือบุคลากรในภาคเอกชนเพียงแค่ 300 กว่าคน สำหรับร้านแว่นกว่า 30,000 ร้าน คิดเป็นสัดส่วน 1:100 เลย จนเรียกได้ว่าหมอสายตาในไทยเข้าขั้น “ขาดแคลน”
นี่คือข้อมูลที่น้อยคนจะรู้จาก คุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักด์ CEO แว่นท็อปเจริญ บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ได้กล่าวถึงอุปสรรคสำคัญของธุรกิจแว่นตาและสุขภาพด้านสายตาของคนไทย กำลังการผลิตบุคลากรสำคัญอย่างนักทัศนมาตรไม่ได้เติบโตได้ทันกับความต้องการบริการด้านสายตาในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคสังคมสูงวัยและสังคมดิจิทัล ซึ่งประชาชนมีปัญหาสายตามากขึ้น ในแต่ละปี 5 มหาวิทยาลัยที่มีสาขาทัศนมาตรสามารถผลิตบุคลากรได้เพียงแค่ประมาณหนึ่งร้อยคนเท่านั้น และสำหรับแว่นท็อปเจริญที่มีอยู่มากกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศและมากที่สุดในอาเซียน ก็ยังต้องการให้มีนักทัศนมาตรประจำอยู่ครบทุกสาขาด้วย
ท็อปเจริญจึงมีความตั้งใจส่งเสิรมการสร้างบุคลากรนักทัศนมาตรเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ตัดสินใจร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจบันฑิตย์ (DPU) ในการจัดตั้ง วิทยาลัยทัศนมารศาสร์@ท็อปเจริญ โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เพราะนอกจากจะได้นวัตกรรมและเทคดนโลยีด้านสายตาจากท็อปเจริญเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนแล้ว ยังได้การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีความทันสมัยของ DPU ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ก็ให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ (Wellness) มากขึ้น ทำให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถผลิตบัณฑิตสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ ที่มีองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพเฉพาะทางสายตาและระบบการมองเห็น ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในการตรวจวัดวินิจฉัยสายตาและโรคทางตา ให้พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน
ทาง ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จะเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการหลักสูตรอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การคัดเลือกนักศึกษา การจัดสถานที่การเรียนการสอนอันทันสมัย ตลอดจนการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา โดยเป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงการสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ความสามารถ การสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในระยะยาว และตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานวิชาชีพที่มีดีมานด์สูงในปัจจุบัน”
ความน่าสนใจของสาขาทัศนมาตรคือเป็นโอกาสทั้งด้านการศึกษาและอาชีพสำหรับเยาวชนไทย เนื่องจากเป็นสาขาที่มีเปิดสอนน้อยมาก แต่ความต้องการของตลาดมีสูง หากเรียนจบจากสาขานี้และโดยเฉพาะกับที่นี่ ก็มั่นใจได้ว่าจะมีงานทำแน่นอน เพราะอย่างน้อยก็มี 2,000 สาขาของท็อปเจริญอ้าแขนรับอยู่แล้ว และยังมีร้านแว่นทั่วประเทศกว่า 30,000 ร้านที่ต้องการนักทัศนมาตร อีกทั้งรายได้เริ่มต้นของงานสายนี้ก็นับว่าไม่ใช่น้อย ๆ คุณนพศักดิ์บอกว่าอย่างต่ำก็ “3-4 หมื่นบาท” แล้ว
สำหรับน้องมัธยมคนไหนที่สนใจ หรือผู้ปกครองที่อยากแนะนำให้บูตรหลานเรียนต่อในสาขานี้ที่ DPU คุณดาริกาบอกว่าจะเริ่มมีการเรียนการสอนในปีการศึกษาหน้า และเริ่มรับที่ประมาณปีละ 40 กว่าคน โดยผู้ที่สนใจจะต้องเรียนสายวิทยาศาสตร์มาก่อนเนื่องจากต้องใช้ความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนค่าเทอมและหลักสูตรโดยละเอียดนั้น ยังอยู่ในระหว่างการวางแผน ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถติดตามข่าวสารจากทาง มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เว็บไซต์ www.dpu.ac.th
และสำหรับใครที่สนใจเข้ารับบริการตรวจสุขภาพสายตาหรือวัดสายตาประกอบแว่นกับนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ร้านแว่นท็อปเจริญกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line ID: @topcharoen หรือติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial และเว็บไซต์ www.topcharoen.co.th