จากเหตุการณ์ที่มีผู้ใช้เครื่องกรองน้ำยี่ห้อ Coway ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าเธอต้องติดเครดิตบูโรเพราะใช้เครื่องกรองน้ำของทางแบรนด์ ซึ่งก็มีผู้ใช้เครื่องกรองน้ำแบรนด์เดียวกันจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นและโพสต์ว่ามีประสบปัญหาเดียวกัน วันนี้ Connect the Dots จะมาช่วยสรุปประเด็นให้ว่าใช้เครื่องกรองน้ำติดเครดิตบูโรได้อย่างไร Coway พลาดตรงไหน และยังน่าใช้อยู่หรือเปล่า
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักแบรนด์กันก่อน Coway เป็นแบรนด์เครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศอันดับ 1 จากเกาหลีใต้ เริ่มต้นจัดจำหน่ายมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1989 เป็นแบรนด์เครื่องกรองน้ำแบรนด์แรกของเกาหลี ปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกกว่า 35 ประเทศ เข้ามาจดทะเบียนในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 ในชื่อ บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งจากคุณภาพรวมถึงการตลาดที่ดี
ความพิเศษของ Coway คือมีรูปแบบการขายให้เลือกสองแบบ คือ ซื้อเงินสดและ Subscription Model หรือการเช่าซื้อ ผ่อนจ่ายรายเดือน 5-7 ปี และใช้งานไปด้วย โดยระหว่างที่ผ่อนจ่ายก็จะมีบริการจากทางแบรนด์เข้ามาซ่อมบำรุงและเปลี่ยนไส้กรองให้ตลอดสัญญา ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากเลือกซื้อรูปแบบนี้เพราะไม่ต้องจ่ายเงินก้อน และมีบริการตลอดอายุสัญญาอีกด้วย แม้ว่าโดยรวมจะจ่ายในราคาสูงกว่าซื้อเงินสดเกือบเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น เครื่องกรองน้ำ รุ่นไพร์ม ราคาซื้อเงินสดพร้อมบริการ 1 ปี 36,550 บาท แต่ถ้าหากซื้อแบบจ่ายรายเดือนด้วยบัตรเครดิตสัญญา 7 ปี จ่ายเดือนละ 790 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 66,360 บาท
ที่ผ่านมาการเช่าซื้อผ่อนจ่ายรายเดือนจะเป็นการหักยอดจากบัตรเครดิตเข้าที่ Coway ข้อมูลการชำระยอดของลูกค้าก็จะอยู่แค่ที่ Coway เท่านั้น ซึ่งจากความคิดเห็นของผู้ใช้หลายรายบอกตรงกันว่าระบบการจ่ายเงินของ Coway มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้หักยอดชำระจากบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ได้บ้างไม่ได้บ้าง และยอดชำระของบางเครื่องก็ไม่ถูกนำเข้าระบบ จนทำให้ลูกค้าเกิดยอดค้างชำระ หรือชำระแล้วแต่ยังขึ้นว่าค้างยอดอยู่ก็มี
แต่เรื่องมันกลายเป็นปัญหาใหญ่ตรงที่ว่าเมื่อเดือนมีนาคม 2567 มีข้อมูลปรากฏว่า Coway ยื่นเข้าเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร และนำข้อมูลการผ่อนชำระของลูกค้าเข้าระบบด้วย โดยไม่มีการแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งปัญหาของระบบชำระเงินและข้อมูลตกหล่นจากระบบก็ยังมีอยู่ ทำให้เมื่อเกิดความผิดพลาดของระบบชำระเงินขึ้น ข้อมูลการค้างชำระของลูกค่าก็จะไปปรากฏอยู่ในระบบเครดิตบูโรด้วย และทำให้เสียประวัติ
เป็นที่รู้กันดีว่าข้อมูลเครดิตบูโรนั้นสำคัญแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคลนั้น หากต้องการขอกู้เงิน ขอสินเชื่อ หรือทำบัตรเครดิต สถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลเครดิตบูโรนี้เพื่อการพิจารณาเป็นสำคัญ หากมีประวัติเสียในเครดิตบูโร ก็จะส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตแน่นอน
โดยหลังจากผู้ใช้เริ่มออกมาโพสต์เรื่องราวลงโซเชียลมีเดีย ทาง Coway ก็ได้ออกมาโพสต์แถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Coway Thailand ว่า “รับทราบถึงกรณีดังกล่าว… กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบ” ก่อนที่ในวันนี้จะได้ออกมาประกาศว่า “ทางบริษัทฯ(Coway) จะลาออกจากการเป็นสมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด” ซึ่งลูกค้าที่ซื้อแบบ Subscription จะไม่มีชื่อและข้อมูลอยู่ในระบบของเครดิตบูโรอีกต่อไป โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
รวมทั้งข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Lerrin Isarankura Na Ayudhaya ผู้เสียหาย ได้ออกมาชี้แจงว่าหลังจากพูดคุยกับทางผู้บริหาร Coway แล้ว ทางบริษัทฯ กำลังดำเนินการแก้ไขให้ประวัติของลูกค้าที่มีรายชื่อติดเครดิตบูโรกลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิมดังนั้นทั้งผู้ใช้เดิมและลูกค้าในอนาคตก็พอจะสบายใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
แต่ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุด Coway จะออกมาแก้ปัญหาแบบตัดทิ้งไปทั้งพวงได้ อย่างไรนั่นก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อวิเคราะห์กันตามตรงจะพบว่าต้นตอของปัญหาคือระบบข้อมูลและการชำระเงินหลังบ้านของ Coway ที่ยุ่งเหยิง ทำให้เกิดความผิดพลาดและข้อมูลตกหล่น รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าที่ไม่ทราบถึงปัญหาอย่างทันท่วงที แม้ว่าปัญหาจะจบลงได้ แต่ความผิดพลาดในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปแล้ว เป็นบทเรียนให้ Coway และแบรนด์อื่น ๆ ได้จำไว้ว่า ไม่ว่าสินค้าและการตลาดของแบรนด์จะดีแค่ไหน แต่จะละเลยระบบภายในที่ลูกค้าไม่เห็นไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วทุกส่วนจะส่งผลถึงกันหมด
หรือพูดกันง่าย ๆ คือ จะทำดีแค่ที่คนเห็นไม่ได้ จะส่วนไหนก็ต้องดีเหมือนกันหมด