ใครเป็นแฟนฟุตบอล นอกจากการแข่งขันสุดมันส์ ก็น่าจะพอสังเกตได้ถึงบทบาทของ Adidas ในฐานะแบรนด์ชุดแข่งที่สปอนซ์ให้กับหลากหลายสโมสรดังในลีกชั้นนำของยุโรป ที่เรียกได้ว่าเยอะและยิ่งใหญ่กว่าแบรนด์ไหน ในปีเดียวกับที่บริษัทกำลังรุ่งโรจน์
ก่อนหน้านี้ในช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO 2024 แฟนบอลจำนวนมากต้องประหลาดใจกับการที่ Adidas กำลังจะเสียดีลสนับสนุนทีมร่วมชาติอย่างเยอรมนี ให้กับคู่อริอย่าง Nike ในปี 2027 ซึ่งแม้ว่าใน EURO 2024 ทีมชาติเยอรมนียังใช้ชุดแข่งของง Adidas อยู่ แต่ก็นับว่าสร้างรอยร้าวให้กับแบรนด์เอาไว้
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าแพ้คาบ้านแล้ว Adidas จะปล่อยซึม เพราะความสำเร็จมันไม่ได้วัดกันที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ในฤดูกาล 2024/25 Adidas ดีลชุดแข่งกับสโมสรดังระดับแถวหน้าของลีกฟุตบอลใหญ่ในยุโรป ทั้ง Arsenal, Manchester United, Real Madrid, Juventus และ Bayern Munich เปิดตัวชุดแข่งที่สามแบบเล่นใหญ่ด้วยการรวมตำนานของแต่ละทีมมาถ่ายแบบชิล ๆ ริมสระน้ำ ในชุดแข่งดีไซน์สวย พิเศษด้วยการใช้สัญลักษณ์ Trefoill แบบยุค 70s เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี จนสร้างกระแสสะเทือนทั้งวงการฟุตบอลยุโรป
สมัยก่อนชุดแข่งที่สาม มักเป็นชุดที่แบรนด์และสโมสรต่าง ๆ ไม่ค่อยใส่ใจกับมันมากนัก เพราะทำไว้เผื่อในกรณีสีชุดซ้ำ จึงมักไปทุ่มให้กับชุดที่เป็นหน้าเป็นตาของทีมอย่างชุดเหย้าและชุดเยือน ชุดแข่งที่สามจึงมักถูกทำออกมาแบบส่ง ๆ แต่กาลเวลาผ่านไปทางแบรนด์ชุดกีฬาเริ่มเห็นโอกาสจากชุดที่สามมากขึ้น จึงค่อย ๆ กลายเป็นพื้นที่ของแฟชั่นที่ทำไว้ขายแฟนบอล ซึ่งในฤดูกาลนี้ Adidas ก็ดึงขึ้นมาเป็นจุดขายได้โดดเด่นมาก
นอกจากนี้ Adidas ก็ยังเป็นเจ้าสปอนซ์ชุดแข่งในลีกใหญ่ ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือ EPL ทั้งหมด 20 สโมสร แบรนด์ชุดกีฬา 7 แบรนด์ Adidas รวบไปแล้ว 7 สโมสร ทั้ง Arsenal, Aston Villa, Fulham, Leicester City, Manchester United, Newcastle United และ Nottingham Forest คิดเป็น 35% ของสโมสรทั้งลีก
และไม่ใช่แค่ให้เยอะเท่านั้น แต่ละดีลของ Adidas ก็ใหญ่ไม่ธรรมดา อย่างในดีลล่าสุดระหว่าง Adidas กับ Manchester United ปี 2025-2035 มูลค่า 900 ล้านปอนด์ก็ถือเป็นดีลมูลค่าสูงที่สุดใน EPL ที่ 90 ล้านปอนด์ต่อปี และแม้แต่ดีลปัจจุบันก็ยังถือว่าสูงที่สุดที่ 75 ล้านปอนด์ต่อปี เท่ากันกับดีลล่าสุดที่ Arsenal ต่อสัญญากับ Adidas ปี 2022-2030 มูลค่าดีลก็ได้ขยับจาก 60 ล้านปอนด์ต่อปี ขึ้นมาเป็น 75 ล้านปอนด์ต่อปี และถ้าพูดถึงที่สุดของดีล อันดับหนึ่งในฟุตบอลยุโรป ก็ยังคงเป็นดีลของ Adidas ในข้อตกลงสนับสนุน Real Madrid CF ปีละ 120 ล้านยูโร
ในขณะเดียวกันการดำเนินการของบริษัทในปีนี้ก็ทำได้ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ หลังจากสะดุดล้มครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน จากการยุติดีลกับแรปเปอร์ดัง คานเย เวสต์ (Kanye West) ในรองเท้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Yeezy ซึ่งในปีนี้ก็เอามาขายล้างสต็อกต่อ แต่แรงหนุนสำคัญมาจากกระแสของรองเท้าแนว Terrace ที่มาแรง รวมถึงความสำเร็จของสินค้าใหม่ ๆ ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ต้นปี ยอดขายโดยรวมเติบโตกว่า 8% ในไตรมาสแรก และทั้งปีคาดว่าจะสร้างกำไรกว่า 700 ล้านยูโร
ด้วยการดำเนินการที่ค่อนข้างดี ทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้หุ้นของ Adidas บวกมาแล้วราว 19% ราคาประมาณ 217 ยูโรต่อหุ้น สวนทางกับคู่แข่งอย่าง Nike ที่เหมือนจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ติดลบไปเกือบ 22% ราคาประมาณ 83 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ในภาพรวมจึงอาจนับได้ว่าปีนี้ Adidas เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่มาแรงจริง ๆ ได้ซีนที่โดดเด่นทั้งในวงการแฟชั่นและกีฬา ก้าวข้ามการสูญเสียดีลทีมประจำชาติให้กับคู่แข่งไปได้ และโฟกัสที่ความสำเร็จในภาพใหญ่มากกว่า