‘เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเท่าไหร่ดี?’ตอบคำถามโลกแตกของนักลงทุนหน้าใหม่ด้วย ‘Money Management’
‘มีเงินแค่นี้พอจะลงทุนได้หรือเปล่าครับ/คะ?’ คำถามยอดฮิตจากเหล่านักลงทุนหน้าใหม่ที่กำลังศึกษาหาข้อมูล ก่อนที่จะเริ่มปั้นพอร์ตลงทุนของตัวเอง ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจ และน่าคิดตามอยู่ไม่น้อย เพราะหากมีเงินลงทุนที่น้อยเกินไป อาจไม่ได้รับอัตราผลตอบแทนไม่เพียงพอ แต่หากลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่อาจทำให้คุณมัวแต่พะวงต่อราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนไป จนทำให้คุณนอนไม่หลับ แล้วเงินลงทุนก้อนแรกของเรานั้นควรอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่กันดี?
ดังนั้นก่อนที่เราจะมาพูดคุยกันเรื่องว่า จะใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มลงทุนดี ต้องเข้าใจตรงกันเสียก่อนว่าเงินที่นำมาลงทุนนั้นควรเป็นเงินเย็นที่ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องรีบใช้อะไร และอาจจะต้องถามผู้ที่มีความคิดที่จะเริ่มลงทุนกลับว่า แผนการบริหารจัดการเงินทุน หรือ Money Management (MM) ของคุณเป็นอย่างไร? เพราะนั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจ ‘ใช้เงินทุน’ ให้เหมาะสมอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป
ทำไม MM จึงสำคัญ? คำตอบที่แสนจะง่ายนั้นก็คือ ‘เพราะเงินทุนของเรามีอยู่จำกัด’ ดังนั้นเราควรที่จะใช้เงินทุนที่มีอยู่นั้นสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองนั้นอ่านกราฟเก่งแค่ไหน หาจุดเข้าจุดออกได้ดีเพียงไร หากไร้ซึ่งการจัดการเงินทุนที่ดี กำไร 10 ครั้งของคุณอาจสูญเสียไปด้วยการขาดทุนเพียงแค่ครั้งเดียว
หลักการ MM จึงให้ความสำคัญอยู่กับ 2 ประการหลักๆ ได้แก่
1.การควบคุมความเสี่ยง (Risk Management)
2.การจัดสรรเงินหน้าตักที่ใช้ลงทุน (Positioning size)
นักลงทุนที่มีการควบคุมความเสี่ยงที่ดี มักจะมีกำไรมากกว่าขาดทุนอยู่เสมอ เพราะทุกการลงทุนนั้นมาควบคู่กับความเสี่ยง และไม่มีใครที่สามารถรู้อนาคตได้ ว่าราคาของสินทรัพย์ตัวใดจะขึ้นหรือลง ดังนั้นทุกการลงทุนควรที่จะมีการตั้ง ‘จุดตัดขาดทุนที่รับได้’ (Cut Loss) เช่น หากราคาของสินทรัพย์ชนิดหนึ่งลดลงต่ำกว่าจุดเข้าซื้อ 10% ก็ควรที่จะตัดสินใจขายสินทรัพย์ตัวนั้นออกไป เพื่อรักษาพอร์ตของเราให้ยังคงปลอดภัยอยู่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของสินทรัพย์แต่ละตัวอีกด้วย เพราะสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) นั้นการขึ้นลงของราคา 30-50% นับเป็นเรื่องปกติ
อีกหนึ่งสิ่งที่มาควบคู่กับการควบคุมความเสี่ยงคือการ ‘จัดสรรเงินที่ใช้ลงทุน’ เพราะนักลงทุนทุกคนมีเงินทุนอยู่ในจำนวนที่จำกัด ดังนั้นการจัดสรรเงินลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะเราไม่ควรที่จะลงทุนแบบ ‘หมดหน้าตัก’ ไปกับสินทรัพย์ตัวเดียว แต่ควรที่จะแบ่งใช้เงินในสัดส่วน 10-25% ของพอร์ตเพื่อลงทุนในสินทรัพย์หนึ่งตัว เพื่อที่จะเหลือเงินเอาไว้สำหรับลงทุนในสินทรัพย์ตัวอื่นอีกด้วย
โดยการจัดสรรเงินลงทุนต่อสินทรัพย์แต่ละตัวนั้น สามารถวัดได้จากความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละตัวตามหลักการ Risk/Reward หรือ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเข้าซื้อสินทรัพย์ชนิดหนึ่งในราคา 100 บาท และมีการวิเคราะห์ว่าจะขายทำกำไร หากราคาของสินทรัพย์พุ่งไปที่ 150 บาท และวางจุดตัดขายขาดทุนอยู่ที่ 90 บาท นั่นแสดงว่าอัตรา Risk/Reward ของสินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ที่ 50/10 หรือ 5 เท่านั่นเอง การวางเงินลงทุนสำหรับสินทรัพย์ตัวดังกล่าวอาจวางได้มากถึง 25% ของพอร์ต แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนแต่ละคนอีกด้วย
ดังนั้นหากนำแนวคิดของ Money Managemet มาใช้ก็คงจะตอบคำถามที่ว่า ‘ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไหร่’ ได้ว่า ‘เท่าไหร่ก็ได้’ ตราบใดที่คุณใช้ ‘เงินเย็น’ และมีแผนการจัดการเงินทุนเป็นของตัวเองที่สามารถทำตามได้โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลในการลงทุน ผลกำไรอาจจะยังมองไม่เห็นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะทำให้พอร์ตของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน
ที่มา: