ราคาหุ้นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ร้อนแรงไม่หยุด หลังเปิดการซื้อขายเช้าวันนี้ (27ก.พ.) ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 15 บาท (+ 30%) จากราคา IPO 4.95 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000% จาก P/E 11 เท่า พุ่งไปมากกว่า 88 เท่า จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องออกโรงเตือนนักลงทุนให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หลังราคาซื้อขายสูงเกินจริงไปกว่า 23 เท่า
หุ้น MGI หรือที่เรียกว่า “หุ้นนางงาม” ของ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 90 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 42.86% อันดับ 2 นายรัชพล จันทรทิม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือ 59.99 ล้านหุ้น หรือ 28.57% และอันดับ 3 บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ถือ 6.55 ล้านหุ้น หรือ 3.12% นอกจากนี้ ยังมีมิสแกรนด์อย่าง “อิงฟ้า วราหะ” และชาล็อต ออสติน รวมถือหุ้นด้วยคนละเกือบ 1% มาร์เก็ตแคปจาก 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท
หุ้น MGI ถือเป็นหุ้นที่สร้างปรากฎการณ์ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 14 ธ.ค. 2566 ราคาเปิด 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 26.26% จากราคา IPO ที่ 4.95 บาท และปิดเทรดวันแรกที่ราคาสูงสุด 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 71.72% จากนั้นหุ้นร้อนแรงต่อเนื่อง จนขึ้นมาแตะ 50 บาท และล่าสุดปิดภาคเช้าวันที่ 27ก.พ. 2567 ที่ 65.00 บาท
วันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเตือนนักลงทุน หลังจากหุ้น MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยให้นักลงทุนศึกษาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนจะเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว)
สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI ตั้งแต่วันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ) ได้ดังนี้
– การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High) และมีมูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
– เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)
วันที่ 28 ธ.ค. 2566 เข้ามาตรการระดับ 1 วันที่ 6 ก.พ. 2567 มาตรการระดับ 2 วันที่ 19 ก.พ. 2567 มาตรการระดับ 3 พักการซื้อขายครั้งที่ 1 และวันที่ 22 ก.พ. 2567 พักการซื้อขายครั้งที่ 2
– สรุปสถิติการซื้อขาย ดังนี้
ล่าสุด ณวัฒน์ โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงว่า MGI กำลังมีโปรเจกต์ใหญ่ งานเดอะแกรนด์คอนเสิร์ต ในนิวยอร์ก วอชิงตันดีซี ไมอามี่ และลอสแอนเจลิส ระหว่างวันที่ 10 ถึง 26 พ.ค.นี้ ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าว ได้รับการตอบรับดี ในคอนเสิร์ตจะพบกับศิลปินที่ดังที่สุดของ MGI อย่างอิงฟ้าและชาล็อต โดยผู้เข้าชมแต่ละรอบเป็นต่างชาติกว่า 70% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ MGI ในอเมริกา
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าได้ MGI ได้มีการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ รวม 35 ราย พร้อมระบุว่า ยินดีให้ข้อมูลแบบเปิดเผยทั้งหมดและตอบทุกคำถามเพื่อให้ลดความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ณวัฒน์ เปิดเผยหลังเข้าพบตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าพอใจกับมาตรการระดับ 1 และ 2 แต่ไม่พอใจกับการหยุดการซื้อขาย เพราะทำให้ผู้ถือหุ้นเสียโอกาส ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของการนำ MGI เข้าตลาดในครั้งนี้ คือการนำ MGI ไปสู่ตลาดโลก เป็นบริษัทระดับยูนิคอร์นตัวแรกของไทยที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของมิสแกรนด์ฯ มาจาก 4 กลุ่มหลัก คือ
- จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ประมาณ 41%
- จัดประกวดนางงามมิสแกรนด์ ประมาณ 13%
- สื่อและบันเทิง ประมาณ 19%
- บริหารจัดการศิลปิน ประมาณ 23%
และมีรายได้อื่น ๆ เช่น จากบริษัทร่วมทุน เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการที่ผ่านมาของ MGI
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 338.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 44.8 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 345.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 29.1 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 319.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 74.8 ล้านบาท
ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 617.04 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 119.25 ล้านบาท
สำหรับบอสณวัฒน์ ถือเป็นอีกคนหนึ่งที่สู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อย แต่จะนำพาบริษัทไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด