บทเรียนชีวิตจริงกับอาชีพเทรดเดอร์ สู่ความสำเร็จที่ไม่ง่าย
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คือ เรื่องราวในอาชีพเทรดเดอร์ของผม เรื่องจริงนะครับ ผมจะเล่าให้ฟังโดยเฉพาะความผิดพลาดในชีวิต จะได้เป็นบทเรียนไม่ให้คุณพลาดแบบผม…
เคย #เทรดเสีย หลายครั้งมาก เคย #เป็นหนี้ เยอะมาก ต้องยอมรับความจริง
เรื่องเริ่มต้นเมื่อปี 2010 ผม #เปิดพอร์ต ที่ Maybank Kim Eng เป็นครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิดแรงบันดาลใจเริ่มมาจากหนังเก่าที่เคยดู ที่ชื่อว่า Wallstreet ผมอยากลองดูว่าผมมีพรสวรรค์ในด้าน #การเทรด หรือเปล่า และจะเป็นเทรดเดอร์ได้มั้ย สุดท้ายมัวแต่ตามคำแนะนำของ Marketing จนติดดอยตลอด ต่อมาไปเปิดอีกพอร์ตที่ Finansia Syrus เพราะได้ยินว่าจะมีคนดูแลให้ สุดท้ายคือเสียอีก แต่มีเพื่อนในนั้นบอกให้ผมไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ #divergence
หลังจากนั้นไปผมก็เริ่มเรียน technical analysis #ตีเส้น ดู #indicator เรียนรู้จากอาจารย์ไม่รู้กี่ท่าน ก็ช่วยได้ประมาณนึง ได้เรียนรู้ว่าก่อนทำอะไรให้คิดเป็นระบบ หรือ ‘be systematic’ แต่ใจจริงอยาก #รวยไว และมองว่า #หุ้น ไปช้า
ทุกวันนี้ได้ยินคำว่า ‘limit your risk and everything will take care of itself’ (#จำกัดความเสี่ยง แล้วทุกอย่างจะดีเอง) ขอปรับเป็นว่า ‘save money and let your money grow through savings’ (#ออมเงิน แล้วปล่อยให้เงินออมงอกเงย) แบบนี้ดีกว่า
ถ้า ´that’s the way it has to be’ (เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว) งั้นขอหยุดพักความเสียหาย ตั้งใจทำงานและ #โตในหน้าที่การงาน เพื่อ “#ใช้หนี้” ต่อไป ซึ่งแทนที่จะเป็นคือ ‘โตในหน้าที่การงานเพื่อ #เก็บเงิน ได้มากขึ้น’ – เอิ่มมม ชิบหายเนอะ
แต่บอกเลย ‘salary increase’ (เงินเดือนขึ้น) ยังไงก็สู้ ‘inflation’ (#เงินเฟ้อ) ไม่ได้ แต่โบนัสดีนะครับ เพราะทำงานเก่ง ช่วยเรื่องหนี้สินได้เยอะ แต่ก็ไม่อยาก #ทำงานเพื่อเงิน อะนะ
ต้องยอมรับว่าในแง่การงานผมโตไวมากใน #Agoda จาก Call Center ไปเป็น Business Development ของทั้งทวีป Latin America
แต่รู้สึกว่าไม่พอ เงินเดือนก็ถูกกดเพราะบริษัทต่างชาติให้ความสำคัญกับคนต่างชาติมากกว่า
เลยปรับกลยุทธ์และไปหาบริษัทไทย เจ้าของคนไทย และแสวงหา #เงินเดือน ที่เพิ่มขึ้นระหว่าง 20 – 30% (การย้ายงานทุกๆ ครั้ง ต้องจำไว้ว่า ให้ต่อรองเพิ่มเงินเดือนประมาณนี้นะครับ)
อีกอย่าง ในช่วงนั้น แม่แฟนเก่าผมไม่ชอบผมตรงที่ว่าผมเงินเดือนน้อย แถมเคยป่วยมะเร็งอีก สุดท้ายบอกแฟนเก่าผมให้เทผมไปเลย ทำไมผมต้องโดนแบบนี้?
หลังจากนั้นก็เข้าทำงานบริษัทลงทุน ในขณะเดียวกันก็ไปเรียน #การเงิน เพื่อเปิดประตูเข้าสู่ ‘fundamental analysis’ งั้นไปสาย #VI ไปเลย แต่จะรอ crisis เตรียม #เงินสด ไว้และรอแต่เงินสดยังไม่มี เพราะยังเป็นหนี้อยู่ ยังเซ็งอยู่เพราะผมยังไม่ลืมว่าผมอยาก #เทรด และหุ้นมันช้าและใช้เงินเยอะกว่า เลยหันไปมองโฆษณาเกี่ยวกับ #DW ที่ #KGI ว่าทำกำไรได้ เลยวิ่งเข้าไปหา DW สุดท้ายก็ไม่ใช่ เสียเพิ่มขึ้นครับ หลังจากผ่านมาเยอะขนาดนี้ บอกได้เลยว่า ‘emotional stability’ (ความมั่นคงทางอารมณ์) ไม่ค่อยโอเค ต่อไปก็เข้าไปสู่การเรียนรู้เกี่ยวกับ #mindset แต่ส่วนใหญ่เป็นแนว ‘motivational’ blah blah blah ผมลุกขึ้นมาเองและสู้ต่อได้ ผมเป็นนักสู้ แม้แต่มะเร็งยังสู้ ทำไมเรื่องอื่นๆ ผมสู้ไม่ได้ครับ?
ผมกลับไปมองที่ค่าคอม เห็นว่า #KTBST มี #ค่าคอมต่ำ และอาจทำให้ผม #กำไร ได้หรือเสียน้อยลง และเป็นช่วงที่เข้าสู่ #TFEX สุดท้ายแล้ว จะค่าคอมต่ำหรือสูง เสียก็คือเสีย
(เช่นเดียวกันกับ #เสปรด ใส่ใจมากเกินไปทำไม เสียคือเสีย ถ้าได้ก็คือได้)
โอ้!!! ทำอย่างไรดีเพื่อเพิ่ม ‘earnings’ (#รายได้)? #Forex (ฟอเร็กซ์) มั้ย? อ่ะ ขอจบที่ตลาดนี้แล้วกัน พอแล้ว ลองดูอีกซักครั้ง
คุณเดาถูกแล้วครับ ไม่ว่าจะเทรดเอง #ตามซิกแนล #ก็อปปี้เทรด หรือใช้ #EA —> #เจ๊ง (หนี้สินเพิ่มขึ้น)
ต่อมา ประวัติการทำงานและการเทรด part-time ใน #ตลาดค่าเงิน เป็นที่จับตามองจาก #Exness เค้าก็เสนองานให้ผม ผมรีบคว้าเลยเพราะเงินเดือนเยอะกว่า 555 แต่เจ้านายบอกว่ามุมมองเกี่ยวกับการเทรดจะเปลี่ยนทันทีนะ ผมก็แอบคิดว่ามุมมองอะไร ผมก็อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดและช่วยเหลือผู้อื่นให้เทรดได้กำไร
สุดท้ายแล้วพอทำงานไปก็เข้าใจว่าอย่างนี้นี่เอง ผมรวยจากความทุกข์ของคนอื่น B book รวยจากความเสียหายของคนอื่น ทำให้เรา (พนักงาน) รวยไปพร้อม #โบรกเกอร์
จากเดิมอยาก #ช่วยเหลือคนอื่น ผมดันจมอยู่กับความสุขจากเงินที่ตกจากท้องฟ้า
ซักพักนึงผมตื่นขึ้นมาและถามตัวเองว่า ลืมแล้วหรอว่าเราอยากเทรดเก่งขึ้นและช่วยคนอื่น สุดท้ายไม่ได้ ‘achieve’ (บรรลุ) เป้าหมายที่แท้จริงเลย
หลังจากนั้นไป #HotForex เพราะได้เงินเยอะกว่าและได้เป็นผู้บริหารระดับประเทศ
พออยู่ในวงการนี้ซักพักนึง จะรู้จักคนมากขึ้น เรียนรู้จากหลายคนทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเทรด แนวคิด และการที่เอาวิธีต่างๆ มาประยุกติใช้ใน EA
สุดท้ายแล้วเจอเจ้าของ EA เจ้านึงที่ทำกำไรให้ผมจนถึงวันนี้
จ่ายหนี้หมดและมีเงินสดมากขึ้นจากอะไร? จากการรู้จักคนครับ ไม่ใช่จากหนังสือ ความรู้ ‘is out there’ “Go find it!!!” เราไม่สามารถระบุได้ว่าต้องเจอและรู้จักกับคนไหน คนคนนั้นก็จะไม่วิ่งมาหาเราหรอก เราไม่ใช่ดารา เราต้องวิ่งไปหาเค้า จะเป็นใครก็ได้ ซักวันนึงได้เจอคนที่ใช่แน่นอน
แต่ก็ยอมรับว่าเทรดเองเก่งขึ้นด้วยนะ แต่มันใช้เวลา แล้วเงินส่วนใหญ่ที่ช่วยเหลือหนี้หลักล้านของผมมาจาก EA ตัวเดียวเนี่ยแหละ มันคือ ‘the ugly truth of my life’ (ความจริงที่โหดร้ายของชีวิตผม)
กลับมาสู่สิ่งที่ยังคงอยู่ในความคิดและเป็นเป้าหมายของผม ก็คือ
1. จะเพิ่ม ‘earnings’ ให้สำเร็จอย่างไร เช่น จาก 1,500 บาทต่อวัน เป็น 30,000 บาทต่อวัน
2. ช่วยแชร์ประสบการณ์เพื่อช่วยเหลือคนอื่นอย่างไร
3. สุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่า EA ตัวนี้จะอยู่กับเรานานแค่ไหน ทุกวันนี้ผมยังเพิ่มทักษะในการเทรดเองบ้าง เผื่อวันนึงผมอาจเก่งกว่า EA และไม่ต้องพึ่งพามันมากเกินไป
ติดตามผมในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
#nbukkamana #ณพวีร์ #เปโดร #พุกกะมาน
Line Official: https://lin.ee/uIw3lu9
FB Fanpage: www.facebook.com/bukkamana