CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ปรับพอร์ตสู้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่ง – แนะกลยุทธ์ลงทุนเพิ่มสินค้าโภคภัณฑ์
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > กูรูลงทุน > เปโดร พุกกะมาน > ปรับพอร์ตสู้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่ง – แนะกลยุทธ์ลงทุนเพิ่มสินค้าโภคภัณฑ์
เปโดร พุกกะมาน

ปรับพอร์ตสู้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่ง – แนะกลยุทธ์ลงทุนเพิ่มสินค้าโภคภัณฑ์

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 3:14 PM
connectthedots admin Published June 13, 2022
Share

นักลงทุนรุ่นใหม่ มองแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ภายหลังสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี แตะระดับ 8.6% เช่นเดียวกันกับไทยที่แตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีที่ 7.1% แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะกลางเพิ่มพอร์ตสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะพลังงานและสินค้าเกษตรเป็นทางเลือกการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อสูง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรจำนวนไม่น้อย ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ ให้จับตาหุ้นจีนทั้งกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว รวมถึงการประชุม FED วันที่ 15 มิถุนายนนี้ หากยังคงขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามคาดการณ์เดิมอาจจะส่งผลดีต่อตลาด

.

นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยลบที่กดดันการลงทุนในทุกสินทรัพย์ ไม่เพียงแค่ในสหรัฐอเมริกา แต่ประเทศไทยก็มีรายงานเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีที่ 7.1% ขณะที่ทวีปยุโรปก็เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อระดับสูงด้วยเช่นกัน

.

“เมื่อคืนวันศุกร์ (10 มิ.ย.) ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมออกมาที่ 8.6% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทั้ง ๆ ที่ราคาพลังงานไม่ได้อยู่ในจุดพีคเหมือนกับเดือนมีนาคม บ่งบอกว่าเงินเฟ้อน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงทั่วโลกต่อไปอีกระยะหนึ่ง”

.

ในภาวะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะยังคงอยู่ในระยะยาว สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเทียบเคียงกับเงินเฟ้อได้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะราคาพลังงานและราคาสินค้าเกษตร 

.

โดยก๊าซธรรมชาติเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ที่ 150% ส่วนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมา 55% ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม ฯลฯ ต่างปรับตัวขึ้นระดับ 30% ขึ้นไป ทั้งนี้ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่อาจจะยืดเยื้อตลอดจนความขัดแย้งระหว่างชาติผู้ผลิตน้ำมันที่อาจส่งปัญหาต่อซัพพลายที่ขาด

.

ส่วนสินค้าทางการเกษตร ซึ่งส่งผลต่อราคาอาหารตอนนี้เกิดปัญหาในด้านซัพพลายจากการที่หลายชาติผู้เป็นแหล่งผลิตสินค้าทางการเกษตรและอาหารชะลอการ ส่งออกยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

.

อย่างไรก็ตามสินค้าโภคภัณฑ์ประเภท Hard Commodity คือสินค้าประเภทวัตถุดิบต่าง ๆ ที่สกัดมาจากเหมืองแร่ เช่น ทองคำ เงิน แพลเลเดียม ฯลฯ รวมถึงโลหะมีค่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลบวกจากอัตราเงินเฟ้อ เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวมากกว่า

.

“นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่มีบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าการเกษตรและอาหารจำนวนมาก แต่ต้องเป็นผู้ผลิตต้นน้ำเพราะถ้าเป็นผู้จำหน่ายปลายน้ำอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หรือ จะเลือกลงทุนในกองทุนรวม หรือ ETF ที่เน้นลงทุนในกลุ่ม Commodity ก็ได้”

.

อย่างไรก็ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากอาจจะมีอัพไซด์ที่จำกัด จึงแนะนำให้เป็นการเทรดในระยะกลางหวังผลตอบแทนที่ระดับ 10-15% และต้องจับตาว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในจุดสูงสุดแล้วหรือไม่ โดยติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะมีการประกาศทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง

.

สำหรับสินทรัพย์อื่นที่น่าสนใจ คือ ตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เริ่มเห็นภาพการฟื้นตัวชัดเจนจากการที่รัฐบาลจีนเปิดทางให้ DIDI ซึ่งเป็น Super App ที่มีผู้ใช้งานอันดับต้น ๆ ของจีน กลับมาเปิดให้บริการในประเทศได้อีกครั้ง เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนอาจจะเริ่มคลายความกดดันที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีแล้ว

.

ประกอบกับรัฐบาลจีนเริ่มเปิดเมืองใหญ่ทั้งปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ในรอบสองเดือนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยดัชนี Hang Seng เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว เช่นเดียวกับดัชนี CSI300 ที่อิงกับกลุ่มเศรษฐกิจภายในจีนแผ่นดินใหญ่

.

ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มที่จะทรงตัวไม่ลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจน ส่วนตลาดหุ้นไทยยังต้องคัดเลือกหุ้นบางตัวที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดรับกัญชาให้เป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนทองคำและบิทคอยน์น่าจะยังได้รับแรงกดดันจากการใช้นโยบายการเงินที่เคร่งครัดของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ต่อไป

.

“อย่างไรก็ตามเริ่มจะเห็นสัญญาณจากกรรมการ FED หลังมีแหล่งข่าวออกมาพูดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในระดับ 0.5% อีกสักครั้งสองครั้ง และไม่น่าจะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ยทีเดียว 0.75% เพราะเป็นการทำร้ายตลาดมากเกินไป ซึ่งนักลงทุนจะต้องจับตาผลการประชุม FED ในวันพุธที่ 15 มิถุนายนนี้ หากยังคงขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามการคาดการณ์เดิมน่าจะส่งผลบวกต่อตลาด เพราะบ่งบอกว่า FED จะไม่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดไปกว่านี้ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูง”

You Might Also Like

AOT ราคาเท่าไหร่ถึงเรียกว่าถูก?

“เอกา โกลบอล” ประเมินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับมือนโยบาย ‘ทรัมป์’

นโยบายประชานิยม กับดักความจน ตัวการพังเศรษฐกิจไทย?

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

TAGGED: การลงทุน, การลงทุนยุคใหม่, การลงทุนโลก, ตลาดหุ้น, นักลงทุน, สินทรัพย์, หุ้น, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจโลก

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin June 13, 2022
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article นอกจากหุ้นแล้ว ลงทุนอะไรดี?
Next Article ทำความรู้จักกับเครื่องมือเพิ่มมูลค่าไฟล์ดิจิทัลด้วยบล็อกเชน
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?