บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์ ว่ามีความแกว่งตัว Sideway Down จากแรงกดดันนโยบายทรัมป์ที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ประกอบกับที่นักลงทุนเฝ้าติดตามการรายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2567 ของบริษัทจดทะเบียน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,250-1,320 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น 2 ธีมเด่นที่ได้อานิสงส์ Easy-E receipt และมีปันผลสูง
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่าดัชนี SET แกว่งตัวในลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งทำให้ตอกย้ำความไม่พอใจเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับ EU
อีกทั้งยังมีการเตือนไปยังประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ว่าอย่าคิดเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ ถ้าไม่อยากถูกเก็บภาษีนำเข้า 100% และยังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการควบคุมเพิ่มเติมในการขายชิปของอินวิเดีย (Nvidia) ให้กับจีน โดยระบุว่าการหารือยังอยู่ในขั้นต้น
ล่าสุดทางประเทศต่าง ๆ มีท่าทีว่าจะออกมาตรการเพื่อตอบโต้ โดยนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในอัตรา 25% ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่เม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ส่วนรัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อ WTO เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ซึ่งต้องจับตาใกล้ชิดว่าจะมีการลดหย่อนผ่อนปรนหรือไม่ อย่างไร
ประกอบกับ นักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าทาง สศค.จะมีการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ถึง 3.5% จากกรอบ 2.5 – 3.5% และมีค่ากลางเฉลี่ย 3% ได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชน, การส่งออก, การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐและเอกชน
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนที่จับตาในประเทศ อาทิ การแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน, แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ , แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ , กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค และรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย เป็นต้น
ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตา ได้แก่ สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั้ง 3 รายการได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งล้วนมีผลกับการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Easy-E receipt ได้แก่ CRC, COM7, ERW, CENTEL, MINT, M, AU, TNP, SIS, SYNEX, IP และ HL รวมทั้งหุ้นปันผลสูง ได้แก่ SCB, TISCO, LH, RATCH และEGCO
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากปัจจัยทางเทคนิค ขณะที่ความกังวลสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น หลังสหรัฐเริ่มใช้นโยบายการตั้งกำแพงภาษี ทำให้ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ประกอบกับประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
นอกจากนี้ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มชะลอลง หลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาส สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา ทำให้ทองคำถูกลดความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบทองคำเดือนนี้ 2,700 – 2,850 $/Oz แนะนำขายทำกำไรที่แนวต้าน เนื่องจากปรับตัวขึ้น 4%YTD