เป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก หลังจากน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย น้ำหวานระดับตำนาน เปิดตัวน้ำหวานรสชาติใหม่ รสที่ 10 บลูฮาวาย และจะเริ่มขายในวันที่ 29 มิถุนายนเป็นวันแรก หลังจากห่างหายจากการออกรสชาติใหม่มานาน
•
แล้วรู้หรือไม่ น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย 9 รสชาติที่เหลือมีอะไรบ้าง มีรสครีมโซดา องุ่น มะลิ สับปะรด กุหลาบ สละ ซาสี่ สตรอว์เบอรี่ และแคนตาลูป
•
สำหรับน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย เป็นน้ำหวานระดับตำนานกว่า 64 ปี เริ่มต้นเมื่อปี 2502 โดย พี่น้อง 4 คนแห่งตระกูลพัฒนะเอนก จากร้านโชห่วย และเห็นโอกาสมนธุรกิจนี้ รวมทั้งตลาดน้ำหวาน ยังไม่มีมากในประเทศไทย แต่สูตรน้ำหวานกลับขายดีมาก ทำให้เกิดการสร้างแบรนด์และเครื่องหมายการค้าน้ำหวานรายแรกๆ ในไทยนั่นคือ “เฮลซ์บลูบอย “
•
นอกจากการเริ่มต้นธุรกิจเฮลซ์บลูบอยในปี 2502 กระทั่งปี 2521 เริ่มจดทะเบียน บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่ผลิตและจำหน่าย โดยมีสินค้าเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ น้ำหวานเข้มข้น และน้ำตาลก้อนสำหรับใช้กับเครื่องดื่มกาแฟ โดยตั้งโรงงานแห่งแรกที่ถนนสาทรใต้ จากนั้นย้ายโรงงานการผลิตไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางชันในปี 2542
•
จากนั้นเฮลซ์บลูบอยขยายตลาดไปส่งออกยังต่างประเทศ ไปยังสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป เมื่อปี 2558 และปี 2559 ส่งออกไปยังจีนและอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมทั้งอินเดีย และอีกหลายประเทศ
•
“เราเป็นองค์กรที่‘Conservative’ (อนุรักษนิยม) มากๆ” นี่คือสิ่งที่ ประยุทธ พัฒนะเอนก ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายต่างประเทศ บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ทายาทรุ่น 2 เฮลซ์บลูบอย เคยเป็นวิทยากร และสัมภาษณ์กับสื่อเมื่อปี 2559 ซึ่งทำให้คนทั่วไปรับรู้ถึงแบรนด์เฮลซ์บลูบอย น้อยมาก
•
การที่เฮลซ์บลูบอย ยังสามารถอยู่ในตลาดได้กว่า 64ปี ประยุทธ บอกว่า นั่นคือ คุณภาพ ที่มีพัฒนาทั้งรสชาติน้ำหวานกลิ่นต่างๆ แม้แต่ช่วงที่น้ำตาลความหวานผิดเพี้ยน หรือสีสันแปลกไป ต้องปรับต้องแก้ไข เพื่อให้คงคุณภาพเดิมของ เฮลซ์บลูบอย ไว้ให้ได้ รวมทั้งสินค้าและแพ็คเก็จจิ้ง อย่างขวดแก้ว ที่เฮลซ์บลูบอยเลือกใช้ เป็นบรรจุภัณฑ์ใส่น้ำหวาน เพราะเก็บรักษาคุณภาพสินค้าน้ำหวานได้ดีกว่าอย่างอื่น เพราะการบรรจุขวดแก้วสามารถรักษาคุณภาพ เก็บได้นาน 3-5 ปี ส่วนขวดพลาสติกสามารถเก็บรักษาคุณภาพของน้ำหวานได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น
•
และอีกประเด็นที่คุณประยุทธบอกนั่นคือ สินค้าน้ำหวานเพื่อการบริโภคในครัวเรือน กำไรต่อหน่อยค่อนข้างต่ำ ยอดขายไม่ได้หวือหวามากนัก ธุรกิจขนาดใหญ่จึงไม่ค่อยให้ความสนใจจะลงมาแข่งขันในตลาดนี้ ส่วนใหญ่หันไปผลิตน้ำหวานเพื่อส่งใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแทน ดังนั้น การแข่งขันจึงไม่รุนแรงนัก แทบไม่มีเจ้าใหญ่ลงมาชิงลูกค้า
•
หรือแม้แต่โลโก้และสัญลักษณ์ของเฮลซ์บลูบอยที่ประยุทธบอกว่า แม้ว่าจะเคยเปลี่ยนชื่อบริษัท แต่คนก็จดจำแบรนด์เฮลซ์บลูบอยไปแล้ว และฟอนต์ “Hale’s” ที่ชินตา มีมาตั้งแต่ก่อนมีคอมพิวเตอร์ด้วย เพราะใช้การแกะบล็อกไม้เป็นตัวอักษร ทำให้ได้ฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเลียนแบบได้
•
หรือแม้แต่ประโยชน์ของน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย ในขณะที่ยุคนี้สินค้าต่างๆ ต้องไปร่วมมือกับแบรนด์อื่น ธุรกิจอื่น หรือ Collab เพื่อให้สินค้าสามารถขายได้ มีประโยชน์หลากหลาย แต่นั่นไม่ใช่กับเฮลซ์บลูบอย เพราะการนำน้ำหวานไปทำเครื่องดื่ม อาหาร ขนม และอีกสารพัดเมนู ประยุทธบอกว่า ล้วนมาจากความคิดสร้างสรรค์ของลูกค้าและร้านค้าทั้งสิ้น เฮลซ์บลูบอย ไม่ต้องทำคำอธิบายว่าใช้น้ำหวานอย่างไร แต่ผู้บริโภคก็สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนา ทำให้สินค้าน้ำหวานของเฮลซ์บลูบอย ขายดีไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด
•
และสำคัญกว่านั้น เฮลซ์บลูบอย สร้างกลิ่นน้ำหวาน จะทำให้ทั้งกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทุกคนจดจำว่าน้ำหวานสีแดง ต้องรสชาติแบบเฮลซ์บลูบอย หรือบางคนก็เรียกสินค้าน้ำหวานว่า เฮลซ์บลูบอย เหมือนเป็นคำสามัญ จึงทำให้แม้จะมีคู่แข่งหลายราย ทั้งแบรนด์ระดับบน ที่เป็นสินค้านำเข้า แบรนด์ระดับกลาง และแบรนด์ระดับล่าง แต่เฮลซ์บลูบอย ยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำหวานอันดับ 1 อย่างเหนี่ยวแน่น
•
ซึ่งผลประกอบการของ บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้และกำไรระดับพันล้านได้สม่ำเสมอ ยกเว้นในปี2565 ที่ลดลงเล็กน้อย แม้จะมีสินค้าเพียง 2 อย่าง คือ น้ำหวาน 10 กลิ่น และ น้ำตาลก้อน เท่านั้น
-ปี 2563 รายได้ 3,320 ล้านบาท กำไร 1,057 ล้านบาท
-ปี 2564 รายได้ 3,563 ล้านบาท กำไร 1,137 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้ 3,021 ล้านบาท กำไร 957 ล้านบาท
•
ปัจจุบันจาก 4 พี่น้องตระกูลพัฒนะเอนก ที่บุกเบิกเฮลซ์บลูบอย ประยุทธ บอกว่า รุ่นที่ 2 ก็เป็น 4 พี่น้องเช่นกัน และเมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ประยุทธ ยืนยันว่าเฮลซ์บลูบอย จะเป็นองค์กรคอนเซอร์เวทีฟ ที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา ไม่กู้หนี้ยืมสินมาสร้างการเติบโต ไม่ใช้เงินผิดประเภท ใช้แค่ในธุรกิจเท่านั้น ไม่แตกไลน์ไปทำสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่เดินห่างจากความหวาน และยังไม่คิดเข้าตลาดหลักทรัพย์
•
รวมทั้งความตั้งใจของประยุทธ เป้าหมายส่วนตัว อยากเห็นธุรกิจครอบครัว คือ เฮลซ์บลูบอย สามารถขยับขยายไปได้เรื่อยๆ อยากให้สินค้าขายไปได้ทั่วโลก บริการความต้องการของคนไทยที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าที่ไหนยังหาสินค้าของเฮลซ์บลูบอย ไม่ได้ จะไม่ยอม จะทำให้มีให้ได้
•
และสิ่งที่ธุรกิจครอบครัวสไตล์คนจีนทิ้งไว้ให้ คือ ปรัชญาการทำธุรกิจ ที่ต้อง ซื่อสัตย์ ยุติธรรม และมีคุณธรรม โดยต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ถึงจะอยู่ได้ ต้องยุติธรรม และมีคุณธรรม ถึงจะไปรอด แต่ต้องยึดมั่นและทำจริง
•
และนี่คือเหตุผลทั้งหมดว่า ทำไม เฮลซ์บลูบอยจึงสามารถนำเสนอจุดขายที่ว่า ความเป็นน้ำหวานอันดับหนึ่งในประเทศไทย (No.1 Syrup in Thailand) ที่ไม่ใช่แค่สินค้าระดับตำนาน แต่ยังสามารถขายได้และประสบความสำเร็จ อยู่ในใจผู้บริโภคมาถึงวันนี้
•
ว่าแต่ว่า เลือกน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย กลิ่นไหน มาทานกันดีครับ
•
สามารถติดตามความเคลื่อนไหว connect the dots ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/th.connectthedots
YouTube : www.youtube.com/@th.connectthedots
และทาง Spotify Podcast : connectthedotsth
#Connectthedots
ที่มา
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1075450
https://www.amarintv.com/spotlight/insight/detail/24285
https://www.prachachat.net/marketing/news-1238947
https://www.prachachat.net/marketing/news-1335563
https://www.sanook.com/campus/1415523/
https://www.thepeople.co/business/billion-brand/50321
https://workpointtoday.com/the-story-of-hales-blue-boy/