หลัง ๆ มานี้ใครที่มีโอกาสใช้บริการของทาง Grab อาจพอได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์สีเขียว มีโลโก้ Grab แบบคูล ๆ อยู่ด้านข้าง และอาจเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เอ๊ะ นี่มันรถอะไร ทำไมไรเดอร์ Grab ใช้กันเต็มไปหมด
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ นี่คือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในโครงการ “เช่าครบจบบนแอป” จาก Grab นั่นเอง ซึ่งเขาเริ่มเปิดให้เช่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ 2566 เพื่อมุ่งเน้นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งทาง Grab ก็เคยเริ่มโปรเจ็กต์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2563 กับ Swag แล้วถ้าใครยังจำได้ และก็ได้ต่อยอดมาเรื่อย ๆ โดยเขาก็ไปเจอข้อมูลว่าไรเดอร์ถึง 85% สนใจเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แต่ติดตรงที่ว่าต้นทุนมันแรงมาก คันที่เอามาวิ่งงานได้จริงจังก็ขายกันคันเกือบแสน เพราะฉะนั้นเปิดบริการเช่าแบบนี้คงจะดีไม่ใช่น้อย
โดยโครงการนี้เขาก็ได้จับมือกับหลากหลายธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้า ทั้ง Swap & Go สตาร์ตอัปด้านพลังงานจากปตท. ที่ให้บริการถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ และแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง H SEM Motor และ Strom
โดยรถที่ให้เช่าก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นให้เหมาะสมตามการใช้งานของแต่ละคน ที่สำคัญคือ ค่าเช่าไม่แรง และเปลี่ยนแบตฟรี!
ในตอนนี้รถที่ Grab มีให้เช่า คือ Strom Gorilla Pro เป็นตัวท็อปสุด รองลงมาคือ Strom Gorilla Standard ถัดจากน้องคือน้องเล็กสองตัวล่างอย่าง Stailian Dragon และ Imotor Vapor
ค่าเช่าที่ว่าไม่แรงนี่ก็ตกวันละแค่ 100 กว่าบาทเท่านั้น เริ่มถูกสุดที่ 125 บาท สำหรับการเช่า Strom Gorilla Standard ระยะเวลา 1 ปี และบอกเลยว่าสำหรับราคาค่าเช่าในแต่ละรุ่น ยิ่งนานยิ่งคุ้ม โดยเขามีตัวเลือกให้ตั้งแต่เช่า 30 วัน 90 วัน และ 365 วัน หรือ 1 ปีเลย ไรเดอร์ที่อยากจะลองเช่ามาใช้สักเดือน ก็ถือว่าน่าลองเลยนะ
แต่ความคุ้มสำคัญมันอยู่ตรงที่สามารถสลับแบตได้ฟรีแบบไม่จำกัดตลอด 24 ชั่วโมงตามสถานีที่กำหนด ซึ่งก็มีมากกว่า 100 สถานีทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลเลย เอาง่าย ๆ คือจ่ายค่าเช่าแล้วจบ ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องค่าไฟอีก และยังสะดวกมาก ๆ ไม่เสียเวลาเพราะไม่ต้องรอชาร์จ ถอดเปลี่ยนแบตลูกใหม่ได้เลย ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที
นอกจากนี้คือทาง Grab เขายังมีประกัน 3+ ค่าบำรุงรักษา ค่าอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ให้อีก พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ ไรเดอร์ได้แบบนี้ขับสบายใจกว่าซื้อรถตัวเองอีกมั้งเนี่ย
ตัวโครงการนี้เขาก็ไม่ได้จำกัดเลยนะว่าจะเอาไปวิ่งรับคนหรือส่งอาหาร ไรเดอร์สามารถนำไปใช้รับงานได้อย่างอิสระผ่านแพลตฟอร์มของ Grab เลย
อ่ะ โอเค ในฝั่งไรเดอร์เรารู้แล้วว่าคุ้ม แต่ในฐานะผู้บริโภค เราได้ประโยชน์อะไร?
อย่างแรกเลยคือ มลพิษน้อยลง แม้ว่าเราจะยังคงร่วมสัญจรบนถนนที่ปะปนทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า แต่การที่ไรเดอร์จำนวนมากเปลี่ยนมาใช้รถ EV ที่ไม่ก่อมลพิษ ก็คงช่วยให้ฝุ่นควันลดลงได้ไม่น้อย และหากเราเป็นผู้โดยสาร ก็ไม่ต้องสูดควันไอเสียอย่างใกล้ชิดจากรถที่เรานั่งด้วย
อีกอย่างคือ มลภาวะทางเสียงที่เบาลง เพราะอย่างที่รู้กันว่ายานยนต์ไฟฟ้ามันเงียบมาก ๆ จนมาใกล้ ๆ ก็แทบไม่ได้ยิน เพราะฉะนั้นสบายใจได้ว่าไม่มีท่อดังให้หูแตก อย่างน้อยก็จากพี่ ๆ ไรเดอร์ที่ใช้
ส่วนอีกอย่างที่เชื่อว่าหลายคนก็คงแอบคาดหวังอย่างค่าบริการที่ถูกลง อันนี้คงยังไม่ต่าง เพราะเรื่องต้นทุนมันก็ค่อนข้างซับซ้อน อย่างหนึ่งถูกลงอีกอย่างอาจแพงขึ้น และทางแอปก็ไม่ได้ปรับลดลงมาให้ต่างกัน
อย่างไรก็ตามไม่ผิดที่จะคาดหวัง เพราะหากวันหนึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ EV เริ่มเข้าที่เข้าทาง บริการที่เกี่ยวข้องอาจมีการปรับราคาให้เหมาะสมตามต้นทุนก็ได้ ใครจะรู้
ทาง Grab เองเขาตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2567 นี้อยากให้มีคนขับหันมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเขาให้ถึง 3,000 คัน นั่นแปลว่าในปีนี้เราก็น่าจะเห็นไรเดอร์รถเขียวสุดเฟี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยรวมแล้วก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดี ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดไปอีกก้าว และให้ประโยชน์ทั้งกับไรเดอร์และสังคมในภาพรวม เป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่น่าจับตามองและสนับสนุน
ส่วนใครที่เคยใช้บริการรถ Grab ไฟฟ้ามาแล้ว นั่งสบายไหม เป็นอย่างไรบ้าง ลองคอมเมนต์ไว้หน่อยนะครับ
ที่มา: