CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: เปิดตำนานกาจาปอง : ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่ใครไปญี่ปุ่นก็เสียตังค์ (มาไทยแล้วนะ!)
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Business > เปิดตำนานกาจาปอง : ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่ใครไปญี่ปุ่นก็เสียตังค์ (มาไทยแล้วนะ!)
Business

เปิดตำนานกาจาปอง : ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่ใครไปญี่ปุ่นก็เสียตังค์ (มาไทยแล้วนะ!)

connectthedots admin
Last updated: 2024/03/12 at 12:04 PM
connectthedots admin Published June 25, 2023
Share

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สามารถเอาสิ่งของที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น แล้วมาพัฒนาจนกลายมาเป็นของดังของประเทศตัวเองได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ คงเป็น ราเม็ง ที่แม้จะมีประเทศจีนเป็นบ้านเกิด แต่พอญี่ปุ่นเอามาพลิกแพลงและสร้างแบรนด์ของตัวเองได้มั่นคง ก็กลายเป็นอาหารชื่อดังของญี่ปุ่นที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงไหลกันกับสูตรสารพัดพลิกแพลงของชาวเกาะเขา
.
กาจาปอง ที่กลายมาเป็นของฮิต ชนิดที่ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นก็อดใจไม่ได้ ต้องแอบกดซักนิดซักหน่อยเพื่อความสนุก แล้วยังมีรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอของที่ตัวเองสนใจแน่นอน แถมยังชอบมีตู้กดกาจาปองแบบเรียงเป็นตับตามแหล่งท่องเที่ยว หรือสนามบิน กลายเป็นกับดักนักท่องเที่ยวอย่างดี แต่จริงๆ แล้ว จุดกำเนิดของตู้กาจาปองก็ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นอเมริกานะครับ
.
จุดกำเนิดของกาจาปอง คือเครื่องขายหมากฝรั่งแบบลูกกลมที่อเมริกา ที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นโดยบริษัท Thomas Adams ในช่วงปี 1907 ในอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติด้วยการหยอดเหรียญแล้ว แต่รูปทรงของสินค้าคือทรงเหลี่ยม เช่นน้ำหอม กล่องลูกอม หรือมีดโกน แต่พอผลิตเครื่องขายหมากฝรั่งทรงกลม แบบเห็นหมากฝรั่งลูกกลมๆ อยู่ในตัวเครื่องมันก็กระตุ้นความสนใจของคนได้ดี แถมไม่ต้องจ้างคนมาคอยเฝ้าร้าน แค่ตั้งไว้แล้วให้คนไปเติมของเรื่อยๆ ก็พอแล้ว กลายเป็นสินค้ายอดนิยม เพราะสะดวกทั้งคนขายคนซื้อ
ต่อมาก็ได้เริ่มมีการพลิกแพลง เปลี่ยนจากหมากฝรั่งลูกกลม มาเป็นแคปซูล แล้วใส่ของเล่นเข้าไป เพื่อให้คนซื้อได้สุ่มดูว่าจะออกมาเป็นอะไร เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกาจาปองแบบที่เราคุ้นกันในตอนนี้ ของเล่นที่ใส่ในตอนนั้นก็เป็นของที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมาก แต่ตามประสาเด็กก็ชอบกดอะไรแบบนี้ให้ได้ลุ้นกันนั่นแหละครับ และก็มีการผลิตพวงกุญแจราคาถูกเพื่อเอามาเป็นของให้สุ่ม ซึ่งตอนนั้นประเทศที่รับผลิตของอะไรพวกนี้ก็คือประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นโรงงานรับผลิตสินค้าราคาถูกจำนวนมากส่งอเมริกาอยู่
•
จุดเปลี่ยนสำคัญคือปี 1965 ที่บริษัทจัดจำหน่ายเครื่องขายของอัตโนมัติจากอเมริกาได้มาที่ญี่ปุ่นแล้วเสนอให้บริษัทางญี่ปุ่นลองเอาเครื่องขายของเล่นแคปซูลอัตโนมัติแบบนี้มาลองขายที่ญี่ปุ่นบ้าง และนั่นคือจุดสำคัญของพัฒนาการของวงการกาจาปองครับ
.
ทีแรกของญี่ปุ่นก็ไม่ต่างอะไรกับที่อเมริกา หรือที่อื่นๆ รวมกระทั่งบ้านเราด้วย ใครอายุมากพอ และโตมากับร้านของชำปากซอย คงจะเคยเห็นเครื่องขายของเล่นหมุนไข่ แบบที่หยอดเงินบาทสองบาทไปแล้วหมุนออกมาได้ไข่ขนาดประมาณเหรียญสิบบาท แล้วมีของเล่นราคาถูกอยู่ข้างใน ของญี่ปุ่นยุคแรกๆ ก็พอๆ กันครับ ของเล่นราคาไม่แพงมาก มักจะเป็นพวกยางลบรูปร่างต่างๆ มีตั้งแต่ รถหรู นักซูโม่ สัตว์ประหลาดไคจู หรือกระทั่งคินนิคุแมน มีตั้งแต่ 10 เยน เป็นต้นไป และมักจะตั้งอยู่ตามร้านขายขนมเด็กเล่นหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะกลุ่มเป้าหมายคือเด็กนั่นเอง
.
ก่อนเล่าต่อ ต้องขอเล่าเรื่อง ชื่อเรียกก่อน แม้บ้านเรามักจะชินกับชื่อ กาจา หรือ กาจาปอง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่า แคปซูลทอย นะครับ นั่นคือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของสินค้าชนิดนี้ แล้ว กาจา หรือ กาจาปองมาจากไหนกันล่ะ?
.
กาจา (จริงๆ ออกเสียงว่า กะจะ) คือ คำเลียนเสียงตอนหมุนลูกบิดเพื่อให้สินค้าตกลงมา ส่วน ปอง คือเสียงแคปซูลตกลงมา แต่จริงๆ แล้ว ชื่อเรียกของมันก็ต่างไปตามยุคสมัยและท้องถิ่น หลักๆ คือ กาจาปอง กาชาปอง กาจะ กาจะกาจะ กาจะโคโคะ หรือกระทั่ง พีคัพ แล้วแต่ใครจะเรียกตามแบบไหน แต่บ้านเราคงฮิต กาจาปอง กับ กาจา เป็นหลักมากกว่า
.
ชื่อเรียกต่างๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้ว มันมีการจดลิขสิทธิ์นะครับ อย่างชื่อ กาชาปอง Gashapon (ใช้ตัว SH) ก็เป็นลิขสิทธิ์ของ Bandai ที่พลิกวงการเจ้าใหญ่ และ Gacha ก็เป็นชื่อที่ Takara Tomy จดลิขสิทธิ์ไป อย่างว่าครับ ถ้าจะพูดถึงสินค้าชนิดนี้ให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่า แคปซูลทอย แต่พูดไปคนอาจจะงงๆ เพราะไม่คุ้นเหมือนสองชื่อที่ว่ามา บางที่ผมไปเรียกว่า กาจาปอง คนเขาก็งงๆ เพราะเขาเรียกว่า กาจะกาจะ
•
จุดพลิกวงการครั้งสำคัญคือ ปี 1977 ที่ Bandai เปิดตัวเครื่องหมุนแคปซูลทอยของตัวเอง และขายของเล่นของตัวเอง ด้วยราคาที่อัพเกรดขึ้นมาคือ 100 เยน ฉีกไปจากของเล่นราคาถูกในยุคนั้น กลายเป็นยุคใหม่ของแคปซูลทอย ที่ไม่ใช่ของเล่นไก่การาคาถูกเหมือนเก่า แต่งานดีขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะได้ผู้ผลิตเจ้าใหญ่อย่าง Bandai ลงมาเล่นในตลาดนี้
.
หลังจากนั้น กาจาปองก็พัฒนามาเรื่อยๆ เริ่มมีสินค้าจากอนิเมะหรือมังงะชื่อดังถูกผลิตออกมาให้พวกเราได้หยอดเล่นกัน ตัวแคปซูลเองก็มีพัฒนาการ แต่เดิมจะเป็นพลาสติกสองชิ้น ชิ้นใสทรงครึ่งวงกลมชิ้นนึง และทรงเกือบกระบอกฐานราบมีสีขุ่นอีกครึ่งนึงที่ต้องประกบกันแล้วใช้เทปใสปิดทับอีกที ก่อนจะกลายมาเป็นแบบ พลาสติกทรงกลมชิ้นเดียวแต่เปิดได้แบบในปัจจุบัน มีสลักล๊อคสามจุด ไม่ต้องใช้เทปใสปิด (แต่สุดท้ายก็เห็นใช้เทปใสปิดอยู่ดี หรือบางทีก็มีการพิมพ์รูปสินค้าลงในแถบพลาสติกคาดปิดอีกที) นอกจากนี้ก็ยังมีรูปทรงกระบอกไปเลยอีกด้วย แต่ออกจะหายากหน่อย และปัจจุบันก็มีทรงใหม่คือ เอาตัวสินค้านั่นแหละมาเป็นแคปซูล ซึ่งมักจะเป็นรุ่นตุ๊กตาหัวโต ใช้ส่วนหัวเป็นแคปซูล แกะออกมาแล้วมีส่วนตัวอยู่ข้างใน ก็ค่อยเอามาประกอบตั้งโชว์ได้ หรือบางชนิดก็กดออกมาเป็นลูกกลมๆ แล้วต้องมาถอดประกอบแล้วค่อยตั้งโชว์ได้เช่นรุ่นหัวหุ่นรบต่างๆ จากเรื่องกันดั้ม
•
นอกจากนี้ ตัวสินค้าที่อยู่ในกาจาปอง ก็เปลี่ยนไปมาก ช่วงยุคต้น 2000 จะสังเกตได้ว่า กาจาปอง ก็ยังเน้นสินค้าที่มาจากสื่อบันเทิงดังๆ ทั้งหลาย
.
แต่หลังจากนั้น วงการก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อมีบริษัทที่เริ่มผลิตสินค้ากาจาปองแบบออริจินอล คือออกแบบเอง ผลิตเอง และกลุ่มนี้คือเรียกได้เต็มปากว่า สายปั่น จริงๆ เพราะว่า กาจาปองที่ผลิตออกมา หลายครั้งก็มักจะทำให้คนเห็นคิดว่า อิหยังวะ จริงๆ เพราะมีตั้งแต่สัตว์แปลกๆ เช่น สัตว์คางยื่น นกล่ำ กุ้งโชว์กล้าม หรือสัตว์ยืนฉี่ หรือสิ่งของทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ไม่รู้ทำออกมาทำไม เช่น ยางรถยนต์พร้อมล้อแม๊ก อิฐบล๊อค โคนจราจน ปุ่มกดออดหน้าบ้าน รีโมทคุมอุณหภูมิอ่างอาบน้ำ หรือที่หยอดเหรียญตู้เกม ส่วนนึงน่าจะเพราะว่าของพวกนี้หลายแบบก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการผลิต ทำให้อยากผลิตอะไรก็ผลิตออกมาได้ ไม่ต้องห่วงทุนเท่าไหร่ ทำให้ปั่นได้เต็มที่ และคนญี่ปุ่นเองก็ชอบของปั่นๆ แบบนี้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ในบริษัทก็คงเน้นคิดหาไอเดียปั่นๆ แข่งกัน ใครเล่นคำ เล่นมุข หรือคิดอะไรแปลกๆ ได้ก็พิตช์งานกันไป ไม่รู้เวลาพิตช์งานนี่หมดกาวกันไปแค่ไหนนะครับ
.
แต่นั่นก็กลายมาเป็นเสน่ห์ของกาจาปอง ที่พอญี่ปุ่นกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาแรงของนักท่องเที่ยว กาจาปองเพี้ยนๆ ก็กลายเป็นของแปลกที่นักท่องเที่ยวเห็นก็อดถ่ายรูปแชร์กันไม่ได้ ทำให้กระแสกาจาปองยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ และแหล่งท่องเที่ยวเองก็ได้อาศัยกระแสนี้ ทำกาจาปองเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวขายด้วย อยากได้ก็ต้องไปกดที่นั่น ไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะยิ่งชอบครับ และหลังๆ ยิ่งมีการอัพเกรดมากขึ้นเรื่อยๆ มีตั้งแต่กาจาปองแบบสมจริง ซีรีส์แมลงหรือสัตว์เลื้อยคลานที่งานละเอียดมากๆ รวมไปถึงกาจาปองไฮโซ ราคาพันเยนอัพ แทบจะเท่ากับพวกของเล่นฟิกเกอร์แบบขายทั่วไปเลยทีเดียว
.
จากจุดกำเนิดที่อเมริกา แต่เมื่อมาญี่ปุ่น ก็กลายเป็นว่าชาวญี่ปุ่นได้พัฒนากาจาปองจนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เพราะความหลุดโลกแบบจริงจังของชาวญี่ปุ่น จนกลายเป็นของขึ้นชื่อของชาวญี่ปุ่น ชนิดที่ไม่ว่าใครก็อดหยอดนิดหยอดหน่อยไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีก็หมดเงินไปไม่น้อย ยิ่งปัจจุบันยิ่งชอบสร้างจุดขาย ศูนย์รวมตู้กดจาจาปองแบบเรียงกันเป็นพรืด เรียกได้ว่าเป็นกับดักที่น่ากลัวจริงๆ แต่ต่อไปก็ไม่ต้องรอเจอกับดักนี้เวลาไปญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะที่เมืองไทยก็กำลังจะมีศูนย์รวมกาจาให้กดกันอย่างเพลินล่ะครับ
.
โดยบิ๊กวัน กรุ๊ป (Big One Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมข้าวโพดอบกรอบ BIGGA และ OK Thin Biscuit ในฐานะตัวแทนจำหน่ายสินค้ากาชาปอง และ แคนดี้ ทอยส์ อย่างเป็นทางการภายใต้ลิขสิทธิ์ของ BANDAI แบรนด์ของเล่นอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย เอาใจสาวกมังงะ-อนิเมะด้วยการเปิด Gashapon Bandai Official Shop หรือ GBO สาขาแรกของไทยและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2566

You Might Also Like

PTG โชว์ยอดขาย Non-Oil โต 32.2% กาแฟพันธุ์ไทย ขยายสาขาได้เฉลี่ย 1.5 สาขา/วัน

AOT ราคาเท่าไหร่ถึงเรียกว่าถูก?

เอพี ไทยแลนด์ โชว์ผลประกอบการ Q1/68 ยอดขายพุ่งทะลุ 12,110 ล้าน ย้ำศักยภาพทางการเงินแข็งแกร่ง

SET – Nasdaq ลงนาม MOU เสริมศักยภาพตลาดทุนไทยด้วยเทคโนโลยี

TAGGED: Big One Group, ธุรกิจ, ลงทุน

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin June 25, 2023
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article Passion Investment เมื่อคุณลงทุนใน “ความหลงใหล” ได้
Next Article ‘ผู้สอนใช้ AI’ อาชีพแห่งอนาคต ทำเป็นก่อนรวยกว่า!
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?