ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สามารถเอาสิ่งของที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น แล้วมาพัฒนาจนกลายมาเป็นของดังของประเทศตัวเองได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ คงเป็น ราเม็ง ที่แม้จะมีประเทศจีนเป็นบ้านเกิด แต่พอญี่ปุ่นเอามาพลิกแพลงและสร้างแบรนด์ของตัวเองได้มั่นคง ก็กลายเป็นอาหารชื่อดังของญี่ปุ่นที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงไหลกันกับสูตรสารพัดพลิกแพลงของชาวเกาะเขา
.
กาจาปอง ที่กลายมาเป็นของฮิต ชนิดที่ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นก็อดใจไม่ได้ ต้องแอบกดซักนิดซักหน่อยเพื่อความสนุก แล้วยังมีรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอของที่ตัวเองสนใจแน่นอน แถมยังชอบมีตู้กดกาจาปองแบบเรียงเป็นตับตามแหล่งท่องเที่ยว หรือสนามบิน กลายเป็นกับดักนักท่องเที่ยวอย่างดี แต่จริงๆ แล้ว จุดกำเนิดของตู้กาจาปองก็ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นอเมริกานะครับ
.
จุดกำเนิดของกาจาปอง คือเครื่องขายหมากฝรั่งแบบลูกกลมที่อเมริกา ที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นโดยบริษัท Thomas Adams ในช่วงปี 1907 ในอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติด้วยการหยอดเหรียญแล้ว แต่รูปทรงของสินค้าคือทรงเหลี่ยม เช่นน้ำหอม กล่องลูกอม หรือมีดโกน แต่พอผลิตเครื่องขายหมากฝรั่งทรงกลม แบบเห็นหมากฝรั่งลูกกลมๆ อยู่ในตัวเครื่องมันก็กระตุ้นความสนใจของคนได้ดี แถมไม่ต้องจ้างคนมาคอยเฝ้าร้าน แค่ตั้งไว้แล้วให้คนไปเติมของเรื่อยๆ ก็พอแล้ว กลายเป็นสินค้ายอดนิยม เพราะสะดวกทั้งคนขายคนซื้อ
ต่อมาก็ได้เริ่มมีการพลิกแพลง เปลี่ยนจากหมากฝรั่งลูกกลม มาเป็นแคปซูล แล้วใส่ของเล่นเข้าไป เพื่อให้คนซื้อได้สุ่มดูว่าจะออกมาเป็นอะไร เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกาจาปองแบบที่เราคุ้นกันในตอนนี้ ของเล่นที่ใส่ในตอนนั้นก็เป็นของที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมาก แต่ตามประสาเด็กก็ชอบกดอะไรแบบนี้ให้ได้ลุ้นกันนั่นแหละครับ และก็มีการผลิตพวงกุญแจราคาถูกเพื่อเอามาเป็นของให้สุ่ม ซึ่งตอนนั้นประเทศที่รับผลิตของอะไรพวกนี้ก็คือประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นโรงงานรับผลิตสินค้าราคาถูกจำนวนมากส่งอเมริกาอยู่
•
จุดเปลี่ยนสำคัญคือปี 1965 ที่บริษัทจัดจำหน่ายเครื่องขายของอัตโนมัติจากอเมริกาได้มาที่ญี่ปุ่นแล้วเสนอให้บริษัทางญี่ปุ่นลองเอาเครื่องขายของเล่นแคปซูลอัตโนมัติแบบนี้มาลองขายที่ญี่ปุ่นบ้าง และนั่นคือจุดสำคัญของพัฒนาการของวงการกาจาปองครับ
.
ทีแรกของญี่ปุ่นก็ไม่ต่างอะไรกับที่อเมริกา หรือที่อื่นๆ รวมกระทั่งบ้านเราด้วย ใครอายุมากพอ และโตมากับร้านของชำปากซอย คงจะเคยเห็นเครื่องขายของเล่นหมุนไข่ แบบที่หยอดเงินบาทสองบาทไปแล้วหมุนออกมาได้ไข่ขนาดประมาณเหรียญสิบบาท แล้วมีของเล่นราคาถูกอยู่ข้างใน ของญี่ปุ่นยุคแรกๆ ก็พอๆ กันครับ ของเล่นราคาไม่แพงมาก มักจะเป็นพวกยางลบรูปร่างต่างๆ มีตั้งแต่ รถหรู นักซูโม่ สัตว์ประหลาดไคจู หรือกระทั่งคินนิคุแมน มีตั้งแต่ 10 เยน เป็นต้นไป และมักจะตั้งอยู่ตามร้านขายขนมเด็กเล่นหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะกลุ่มเป้าหมายคือเด็กนั่นเอง
.
ก่อนเล่าต่อ ต้องขอเล่าเรื่อง ชื่อเรียกก่อน แม้บ้านเรามักจะชินกับชื่อ กาจา หรือ กาจาปอง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่า แคปซูลทอย นะครับ นั่นคือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของสินค้าชนิดนี้ แล้ว กาจา หรือ กาจาปองมาจากไหนกันล่ะ?
.
กาจา (จริงๆ ออกเสียงว่า กะจะ) คือ คำเลียนเสียงตอนหมุนลูกบิดเพื่อให้สินค้าตกลงมา ส่วน ปอง คือเสียงแคปซูลตกลงมา แต่จริงๆ แล้ว ชื่อเรียกของมันก็ต่างไปตามยุคสมัยและท้องถิ่น หลักๆ คือ กาจาปอง กาชาปอง กาจะ กาจะกาจะ กาจะโคโคะ หรือกระทั่ง พีคัพ แล้วแต่ใครจะเรียกตามแบบไหน แต่บ้านเราคงฮิต กาจาปอง กับ กาจา เป็นหลักมากกว่า
.
ชื่อเรียกต่างๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้ว มันมีการจดลิขสิทธิ์นะครับ อย่างชื่อ กาชาปอง Gashapon (ใช้ตัว SH) ก็เป็นลิขสิทธิ์ของ Bandai ที่พลิกวงการเจ้าใหญ่ และ Gacha ก็เป็นชื่อที่ Takara Tomy จดลิขสิทธิ์ไป อย่างว่าครับ ถ้าจะพูดถึงสินค้าชนิดนี้ให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่า แคปซูลทอย แต่พูดไปคนอาจจะงงๆ เพราะไม่คุ้นเหมือนสองชื่อที่ว่ามา บางที่ผมไปเรียกว่า กาจาปอง คนเขาก็งงๆ เพราะเขาเรียกว่า กาจะกาจะ
•
จุดพลิกวงการครั้งสำคัญคือ ปี 1977 ที่ Bandai เปิดตัวเครื่องหมุนแคปซูลทอยของตัวเอง และขายของเล่นของตัวเอง ด้วยราคาที่อัพเกรดขึ้นมาคือ 100 เยน ฉีกไปจากของเล่นราคาถูกในยุคนั้น กลายเป็นยุคใหม่ของแคปซูลทอย ที่ไม่ใช่ของเล่นไก่การาคาถูกเหมือนเก่า แต่งานดีขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะได้ผู้ผลิตเจ้าใหญ่อย่าง Bandai ลงมาเล่นในตลาดนี้
.
หลังจากนั้น กาจาปองก็พัฒนามาเรื่อยๆ เริ่มมีสินค้าจากอนิเมะหรือมังงะชื่อดังถูกผลิตออกมาให้พวกเราได้หยอดเล่นกัน ตัวแคปซูลเองก็มีพัฒนาการ แต่เดิมจะเป็นพลาสติกสองชิ้น ชิ้นใสทรงครึ่งวงกลมชิ้นนึง และทรงเกือบกระบอกฐานราบมีสีขุ่นอีกครึ่งนึงที่ต้องประกบกันแล้วใช้เทปใสปิดทับอีกที ก่อนจะกลายมาเป็นแบบ พลาสติกทรงกลมชิ้นเดียวแต่เปิดได้แบบในปัจจุบัน มีสลักล๊อคสามจุด ไม่ต้องใช้เทปใสปิด (แต่สุดท้ายก็เห็นใช้เทปใสปิดอยู่ดี หรือบางทีก็มีการพิมพ์รูปสินค้าลงในแถบพลาสติกคาดปิดอีกที) นอกจากนี้ก็ยังมีรูปทรงกระบอกไปเลยอีกด้วย แต่ออกจะหายากหน่อย และปัจจุบันก็มีทรงใหม่คือ เอาตัวสินค้านั่นแหละมาเป็นแคปซูล ซึ่งมักจะเป็นรุ่นตุ๊กตาหัวโต ใช้ส่วนหัวเป็นแคปซูล แกะออกมาแล้วมีส่วนตัวอยู่ข้างใน ก็ค่อยเอามาประกอบตั้งโชว์ได้ หรือบางชนิดก็กดออกมาเป็นลูกกลมๆ แล้วต้องมาถอดประกอบแล้วค่อยตั้งโชว์ได้เช่นรุ่นหัวหุ่นรบต่างๆ จากเรื่องกันดั้ม
•
นอกจากนี้ ตัวสินค้าที่อยู่ในกาจาปอง ก็เปลี่ยนไปมาก ช่วงยุคต้น 2000 จะสังเกตได้ว่า กาจาปอง ก็ยังเน้นสินค้าที่มาจากสื่อบันเทิงดังๆ ทั้งหลาย
.
แต่หลังจากนั้น วงการก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อมีบริษัทที่เริ่มผลิตสินค้ากาจาปองแบบออริจินอล คือออกแบบเอง ผลิตเอง และกลุ่มนี้คือเรียกได้เต็มปากว่า สายปั่น จริงๆ เพราะว่า กาจาปองที่ผลิตออกมา หลายครั้งก็มักจะทำให้คนเห็นคิดว่า อิหยังวะ จริงๆ เพราะมีตั้งแต่สัตว์แปลกๆ เช่น สัตว์คางยื่น นกล่ำ กุ้งโชว์กล้าม หรือสัตว์ยืนฉี่ หรือสิ่งของทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ไม่รู้ทำออกมาทำไม เช่น ยางรถยนต์พร้อมล้อแม๊ก อิฐบล๊อค โคนจราจน ปุ่มกดออดหน้าบ้าน รีโมทคุมอุณหภูมิอ่างอาบน้ำ หรือที่หยอดเหรียญตู้เกม ส่วนนึงน่าจะเพราะว่าของพวกนี้หลายแบบก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการผลิต ทำให้อยากผลิตอะไรก็ผลิตออกมาได้ ไม่ต้องห่วงทุนเท่าไหร่ ทำให้ปั่นได้เต็มที่ และคนญี่ปุ่นเองก็ชอบของปั่นๆ แบบนี้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ในบริษัทก็คงเน้นคิดหาไอเดียปั่นๆ แข่งกัน ใครเล่นคำ เล่นมุข หรือคิดอะไรแปลกๆ ได้ก็พิตช์งานกันไป ไม่รู้เวลาพิตช์งานนี่หมดกาวกันไปแค่ไหนนะครับ
.
แต่นั่นก็กลายมาเป็นเสน่ห์ของกาจาปอง ที่พอญี่ปุ่นกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาแรงของนักท่องเที่ยว กาจาปองเพี้ยนๆ ก็กลายเป็นของแปลกที่นักท่องเที่ยวเห็นก็อดถ่ายรูปแชร์กันไม่ได้ ทำให้กระแสกาจาปองยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ และแหล่งท่องเที่ยวเองก็ได้อาศัยกระแสนี้ ทำกาจาปองเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวขายด้วย อยากได้ก็ต้องไปกดที่นั่น ไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะยิ่งชอบครับ และหลังๆ ยิ่งมีการอัพเกรดมากขึ้นเรื่อยๆ มีตั้งแต่กาจาปองแบบสมจริง ซีรีส์แมลงหรือสัตว์เลื้อยคลานที่งานละเอียดมากๆ รวมไปถึงกาจาปองไฮโซ ราคาพันเยนอัพ แทบจะเท่ากับพวกของเล่นฟิกเกอร์แบบขายทั่วไปเลยทีเดียว
.
จากจุดกำเนิดที่อเมริกา แต่เมื่อมาญี่ปุ่น ก็กลายเป็นว่าชาวญี่ปุ่นได้พัฒนากาจาปองจนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เพราะความหลุดโลกแบบจริงจังของชาวญี่ปุ่น จนกลายเป็นของขึ้นชื่อของชาวญี่ปุ่น ชนิดที่ไม่ว่าใครก็อดหยอดนิดหยอดหน่อยไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีก็หมดเงินไปไม่น้อย ยิ่งปัจจุบันยิ่งชอบสร้างจุดขาย ศูนย์รวมตู้กดจาจาปองแบบเรียงกันเป็นพรืด เรียกได้ว่าเป็นกับดักที่น่ากลัวจริงๆ แต่ต่อไปก็ไม่ต้องรอเจอกับดักนี้เวลาไปญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะที่เมืองไทยก็กำลังจะมีศูนย์รวมกาจาให้กดกันอย่างเพลินล่ะครับ
.
โดยบิ๊กวัน กรุ๊ป (Big One Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมข้าวโพดอบกรอบ BIGGA และ OK Thin Biscuit ในฐานะตัวแทนจำหน่ายสินค้ากาชาปอง และ แคนดี้ ทอยส์ อย่างเป็นทางการภายใต้ลิขสิทธิ์ของ BANDAI แบรนด์ของเล่นอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย เอาใจสาวกมังงะ-อนิเมะด้วยการเปิด Gashapon Bandai Official Shop หรือ GBO สาขาแรกของไทยและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2566