หนึ่งประเด็นดังสำหรับช่วงนี้คือปัญหาของ Flash Express ที่มีการปรับลดค่าคอมมิชชันพนักงานขนส่งจนทำให้พนักงานพากันลาออกเป็นจำนวนมาก
จนส่งผลกระทบต่อระบบขนส่ง และผู้บริโภคจำนวนมากได้รับพัสดุล่าช้า ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัญหาหนักที่อาจเข้าขั้น “วิกฤต”
แม้ว่าในช่วงแรกของการเริ่มต้นกิจการจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมจนขึ้นเป็น “Unicorn” หรือธุรกิจที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เจ้าแรกของวงการสตาร์ตอัปไทยในระยะเวลาแค่ 3 ปีเท่านั้น
แต่จากความสำเร็จแบบติดจรวดในวันนั้น
ทำไม Flash ถึงร่วงดิ่งในวันนี้
แรกเริ่มเดิมทีไทยเรามีธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งพัสดุเพียงไม่กี่เจ้า
หลัก ๆ คือ รุ่นเก๋าอย่างไปรษณีย์ไทย และขนส่งเอกชนรุ่นใหม่อย่าง Kerry ที่เข้ามากินส่วนแบ่งตลาดรวมกับไปรษณีย์ไทยราว 90% ในไทย
Flash Express นับว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการขนส่งเมื่อปี 2560 ช่วงยุคก่อนโควิด ก่อตั้งโดย คมสันต์ ลี
ด้วยแนวคิดที่อยากให้ E-Commerce ไทยดำเนินการได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยการเข้าถึงบริการขนส่งที่ประหยัดขึ้นและรวดเร็ว Flash ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับทั้งพนักงานและโครงสร้างพื้นฐานของระบบขนส่ง
รวมการลงทุนกับ Big Data เอาข้อมูลมาใช้วิเคราะห์เพื่อการขนส่งที่มีประสิทธิภาพด้วย
การเข้ามาของ Flash ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับการขนส่งและที่สำคัญคือ “ราคา” ที่ถูกสุดในช่วงนั้น (เริ่มต้น 25 บาท)
ทำให้ Flash มีความโดดเด่นและเป็นขนส่งยอดนิยมเจ้าหนึ่ง จนสามารถเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดกับเจ้าใหญ่อย่าง ไปรษณีย์ไทย และ Kerry ได้ไม่ยาก
และในปี 2564 หลังการระดมทุน 2 รอบ จากผู้ลงทุน 7 ราย ทำให้ Flash Express มีมูลค่าบริษัทรวมเกินกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และก้าวขึ้นมาเป็น Unicorn ตัวแรกของธุรกิจสตาร์ตอัปไทยได้สำเร็จ
และได้ต่อยอดด้วยการขยายกิจการไปเปิดสาขาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียด้วย
แม้ว่าการดำเนินการและการสร้างธุรกิจของ Flash จะดูไปได้สวย แต่จะเก่งแค่ไหนสุดท้ายก็มีพลาดกันบ้าง
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นวิกฤติที่กระทบทุกอย่างจริง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ขนส่งที่เติบโตได้ดีในช่วงนี้ Flash เคยต้องโดนผู้บริโภคถล่มหนักจากกรณีมีพนักงานศูนย์กระจายพัสดุวังน้อยติดโควิด จนต้องปิดศูนย์ฯ ทำให้การขนส่งล่าช้าและพัสดุของลูกค้าบางส่วนเสียหาย
เกิดเป็นภาพพัสดุกองเต็มศูนย์ว่อนทั่วโลกโซเชียล จนต้องออกมาแถลงขอโทษ พร้อมรับผิดชอบด้วยการชดเชยด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทเลย
นอกจากนี้ บ่อยครั้งเลยที่เราจะพบข่าวพนักงานของ Flash Express ทำพัสดุของลูกค้าเสียหาย ทั้งโยนกล่องพัสดุและแกะกล่องพัสดุของลูกค้า
บางเคสก็มีรอยกรีด บางเคสก็มีรอยแกะเทปแล้วแปะใหม่ และบางเคสที่ของในกล่องสูญหายไปแต่กล่องยังอยู่ก็มี
ถึงขนาดเคยมีคลิปเผยให้เห็นจะ ๆ เลยว่าพนักงานแกะกล้องของลูกค้าออกมาถ่ายเล่นจริง ๆ รวมถึงมีคลิปที่พนักงานโยนกล่องพัสดุของลูกคาเช่นกัน
แม้ว่าทาง Flash จะออกมาแถลงขอโทษอยู่บ่อยครั้ง และมีการลงโทษ ไล่พนักงานที่ทำผิดออก แต่ปัญหาเหล่านี้ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ไม่หมดไปสักที และพอมาดูกี่ทีก็เจ้าเดิม ๆ ซึ่ง Flash ค่อนข้างบ่อยกว่าเพื่อนเลย
แต่แม้ว่านั่นจะดูเหมือนเป็นความผิดพลาดของเหล่าพนักงาน ที่อาจจะพอมองได้ว่าร้อยพ่อพันแม่ (แต่จริง ๆ ควรจะอบรมให้ได้มาตรฐานเดียวกัน)
แต่จริง ๆ แล้ว Flash ก็เคยพลาดด้วยตัวเองเหมือนกัน
อย่างที่รู้ว่า Flash เปิดตัวมาด้วยราคาที่ดีกว่าเจ้าอื่น ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เหมือนเขาไม่รู้จะแข่งอะไรกันแล้ว ทำให้ขนส่งสีเหลืองเจ้านี้ยังใช้ไม้เดิมมาสู้ แข่งกันหั่นราคากับ Kerry เพื่อหวังจะทำ Economy of Scale หรือเอากำไรต่อชิ้นให้น้อยลงแต่เน้นปริมาณที่มากขึ้น
ซึ่งผู้บริโภคก็ดูจะได้ประโยชน์จากสงครามราคาอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งราคาน้ำมันพุ่งสูงไม่หยุด ก็ทำให้ต้นทุนการดำเนินกิจการของขนส่งพัสดุสูงขึ้นจนสู้ไม่ไหว สุดท้ายก็กลายเป็นว่าถ้าลดราคาอยู่ก็ “เผาเงินเปล่า” และทำให้ทั้ง Flash ทั้ง Kerry ขาดทุนต่อเนื่องไม่ต่างกัน และท้ายที่สุดคุณคมสันต์ก็ต้องออกมาบอกว่า “สงครามราคาจบลงแล้ว” และจะไปแข่งกันเรื่องคุณภาพแทน
นั่นทำให้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Flash ประกาศเตรียมระดมทุนอีก 15,000 ล้านบาท เอามาลงทุนคลังสินค้าเพิ่มเพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ใน 3 ปี
ซึ่งนอกจากการพัฒนานาปรับปรุงระบบขนส่งและเครือข่ายของตัวเองแล้ว Flash Group ยังต่อยอดด้วยไอเดียธุรกิจ F-Commerce หรือ Live-Commerce ที่จะให้บริการอำนวยควาสะดวกการไลฟ์ขายของแบบครบวงจร
มีพื้นที่ให้ไลฟ์ มีการจัดหา เซ็นสัญญาจ้างอินฟลูเอนเซอร์ โปรโมต โฆษณา และทำการส่งสินค้าให้แบบรับจบครบทุกขั้นตอน และเชื่อว่าโมเดลธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ 3,000-5,000 ล้านบาท
แต่จนแล้วจนรอด Flash เหมือนจะยังไม่สามารถเอาตัวเองออกจากวังวนของปัญหาได้ เพราะในความพยายามฟื้นฟูแก้ไขปัญหาเดิม กลับแฝงมาด้วยปัญหาใหม่ที่เป็นพิษที่จะส่งผลเรื้อรัง นั่นคือกรณีล่าสุดที่มีสื่อออกมาเผยว่า Flash ปรับลดค่าคอมฯ พนักงานจาก 8,000 บาทเหลือไม่ถึง 500
และเร่งเพิ่มปริมาณการส่งสินค้าจำนวนมาก วันละ 300-500 ชิ้น ให้พนักงานโหมงานหนักโดยไม่มีค่าล่วงเวลาด้วย เป็นเหตุให้พนักงานลาออกจำนวนมาก จนส่งผลกระทบให้มีสินค้าบางส่วนค้างส่ง ซึ่งก็มีผู้ใช้บริการออกมาโพสต์รูปที่ตัวเองต้องไปตามพัสดุตกค้างถึงคลังฯ ของ Flash
ทั้งนี้ Flash Express ก็ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยยอมรับว่ามีการปรับลดค่าคอมฯ พนักงานจริง แต่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัท ปรับตามกลไกตลาด เพราะที่ผ่านมา Flash Express ให้สูงกว่าเจ้าอื่นมาโดยตลอด ส่วนการเร่งให้ส่งของถึง 500 ชิ้น ให้ทำงานล่วงเวลาโดยไม่จ่ายเงินเพิ่ม ไม่เป็นความจริง ส่งเฉลี่ยไม่เกินวันละ 100 ชิ้น และทำงานวันละ 18 ชั่วโมงเป็นไปไม่ได้เพราะขัดกับกฎหมายแรงงาน
แต่ทำงานล่วงเวลาก็มีบ้างหากพนักงานต้องการรับพัสดุเพิ่ม ซึ่งก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มด้วย ซึ่งปัญหาการขาดแคลนพนักงานที่กระทบถึงการขนส่งที่ล่าช้า กำลังเร่งแก้ไขอยู่
ทางโซเชียลมีเดียเองก็มีทั้งผู้ใช้บริการและพนักงาน รวมถึงอดีตพนักงานของ Flash Express มาร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ซึ่งฝั่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นไปในทางเดียวกันคือต้องทำงานหนักขึ้น แต่ได้ค่าตอบแทนน้อยลง รวมถึงไม่มีมาตรการดูแลพนักงานด้วย ได้ค่าคอมฯ น้อยแต่หักเงินเยอะ ต้องทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมง หรือแม้แต่ทางศูนย์โทรมาขอให้กลับไปทำงานก็มี
ในฝั่งผู้ใช้บริการก็เข้ามาเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เคยพบเจอจากการใช้บริการ Flash Express ทั้งของหาย ส่งช้า โดนแกะของ แต่บางส่วนก็แสดงความเห็นใจต่อพนักงาน
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแม้จะเริ่มต้นมาด้วยดี แต่ Flash Express กลับต้องเจอปัญหาหลายต่อหลายครั้งจากความผิดพลาดทั้งฝั่งของฝ่ายปฏิบัติงานและฝ่ายบริหาร
ซึ่งก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เส้นทางของธุรกิจขนส่งเจ้านี้ไม่ได้ราบเรียบนัก และอาจเป็นทางชันที่ขรุขระมาก ๆ ด้วยซ้ำ อาจด้วยการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาด การที่มีสาขามากเกินไปจนไม่สามารถรักษามาตรฐานของพนักงานและการดำเนินการ หรือการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ Flash ยังคงประสบกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจอยู่เรื่อย ๆ และอาจสูญเสียความั่นใจในการใช้บริการจากผู้บริโภค รวมถึงพนักงานเอง
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัญหาถาโถม แต่ในทุกวันนี้ Flash Express ถือเป็นขนส่งเอกชนอันดับหนึ่งในไทย ที่มียอดการขนส่งพัสดุสูงถึงวันละ 2.4 ล้านชิ้น ปีละกว่า 700 ล้านชิ้น และเติบโตจน Flash Group มีมูลค่ารวมกว่า 70,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีเป้าหมายจะแตะ 100,000 ล้านบาทให้ได้ก่อนเข้าตลาดหุ้น แต่จะเติบโต และสร้างธุรกิจที่แข็งแรงได้ ปัญหายิบย่อยกับสิ่งที่เป็นรากฐานของธุรกิจอย่างพนักงานและผู้บริโภคก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรองข้าม ไม่เช่นนั้นก็อาจพลาดครั้งใหญ่ หรือเจ็บสะสมไปจนธุรกิจไม่เติบโต ที่สำคัญคือต้องไม่ให้ความสำเร็จมาหลอกตา อย่าลืมไปว่า “ยิ่งอยู่สูง หล่นลงมายิ่งเจ็บหนัก”
ที่มา: https://brandinside.asia/flash-express-and-thai-logistic/…
https://www.brandbuffet.in.th/…/flash-group-raises-15…/
https://mgronline.com/business/detail/9660000091210