CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: “คลัง” คาดเศรษฐกิจปี’63 ติดลบ 8.5% ชี้โควิดกระทบรุนแรงกว่าต้มยำกุ้ง
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > ข่าวลงทุนรอบโลก > ตลาดหุ้นไทย > “คลัง” คาดเศรษฐกิจปี’63 ติดลบ 8.5% ชี้โควิดกระทบรุนแรงกว่าต้มยำกุ้ง
ข่าวลงทุนรอบโลกตลาดหุ้นไทยทั้งหมด

“คลัง” คาดเศรษฐกิจปี’63 ติดลบ 8.5% ชี้โควิดกระทบรุนแรงกว่าต้มยำกุ้ง

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 2:34 PM
connectthedots admin Published July 31, 2020
Share

กระทรวงการคลังชี้เศรษฐกิจไทยรับพิษโควิด-19 ปีนี้จีดีพีติดลบ 8.5% ส่งออกหดตัว -11% ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยหดตัวกว่า -82.9% เชื่อเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 แล้ว คาดครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป พร้อมออกมาตรการกระตุ้นบริโภคในเวลาที่เหมาะสม 

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -8.5 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -9.0 ถึง -8.0) จากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.4% ต่อปี ซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ที่เศรษฐกิจหดตัว -7.6% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักหดตัวลง 

โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 มูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ร้อยละ -11.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -11.5 ถึง -10.5) ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจะหดตัวที่ร้อยละ -82.9 นอกจากนี้ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -2.6 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -3.1 ถึง -2.1) และ -12.6 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -13.1 ถึง -12.1) ตามลำดับ สอดคล้องกับทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง 

อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การโอนงบประมาณตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.8 ถึง 4.8 ) และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 9.7 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.2 ถึง 10.2)

พร้อมกันนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น ประกอบกับผลของมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาของรัฐบาล ระยะที่ 1-3 และมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน รักษาระดับการจ้างงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เกิดการหมุนเวียนกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ติดลบน้อยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 

“ในช่วงไตรมาส 2 เศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งติดลบถึง 2 หลัก จึงเชื่อว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจจะดีขึ้น เป็นการฟื้นตัวลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ธุรกิจจะกลับมาเปิดกิจการ รัฐบาลออกมาตรการมาดูแลประชาชน และภาคธุรกิจ รวมทั้งยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งเราไม่ได้หวังให้ทุกอย่างกลับมาคึกคักเป็นปกติ แต่หวังให้เป็นการกระจายเม็ดเงินในทุกจังหวัด และกระทรวงการคลังติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พร้อมออกมาตรการมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม”

สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ร้อยละ -1.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -1.8 ถึง -0.8 ) ปรับตัวลดลงจากปีก่อน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงและอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 13.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.7 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.2 ถึง 3.2 ของ GDP)

โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสวิด-19 ซึ่งคาดว่าภายในกลางปี 2564 จะสามารถพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ได้ และการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลายลง ซึ่งจะมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2563 และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563

คาดว่าธุรกิจที่จะฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จะช่วยสนับสนุนธุรกิจบริการดิจิทัลและธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ให้ขยายตัวได้ดี กระทรวงการคลังมั่นใจว่ามาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 1-3 เป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ และจะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้ มาตรการดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำคัญให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงเมื่อวิกฤติครั้งนี้ผ่านพ้นไป

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4.0 ถึง 5.0 ในปี 2564 และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป

หากสนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทย

สำหรับนักลงทุนที่สนใจเปิดพอร์ตตลาดหุ้นไทยกับ KTBST ขอคำปรึกษาได้ ที่นี่ เพราะ KTBST มีค่าธรรมเนียมต่ำ เป็น “ สถาบันการเงิน ” ในประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในการให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ถือหุ้น “เติบโตอย่างยั่งยืน” และมีส่วนช่วยสังคมในการ “ พัฒนาตลาดทุน ”

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

ที่มา

https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000076658

ที่มา

https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1892015?cx_testId=0&cx_testVariant=cx_0&cx_artPos=4#cxrecs_s

#CISThai

Line Official: https://lin.ee/jO65rNq

Website: https://connectthedotsth.com/

FB Fanpage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace

You Might Also Like

นโยบายประชานิยม กับดักความจน ตัวการพังเศรษฐกิจไทย?

ทางออกหนี้ครัวเรือนไทย แก้อย่างไรให้ยั่งยืน และตรงกลุ่ม

อ้วนแล้วหนักหัวใคร? คนไทย 1 ใน 4 น้ำหนักเกิน เสี่ยงกระทบ GDP ร่วงเกือบ 5 %

มาตรการแจกเงิน หนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นชั่วคราว ปรับ GDP ปี 67 เป็น 2.8% และปี 68 เป็น 3.0%  

TAGGED: GDP, New Normal, กระทรวงการคลัง, อัตราเงินเฟ้อ, โควิด-19

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin July 31, 2020
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ยูโรทำนิวไฮเกือบ 4 เดือนเทียบดอลล์ ขานรับ EU ประชุมสุดยอดหารือตั้งกองทุนฟื้นฟู
Next Article หุ้น PTT เริ่มฟื้นตัว ลุ้นครึ่งปีหลังราคาขยับเพิ่ม
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?