บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) “TCAP” เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกปี 2567 โดยกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 2,057 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 1,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน รวม 6 เดือนแรกปี 2567 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,981 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 3,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,057 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน (Q-Q) รวม 6 เดือนแรกปี 2567 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,981 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 3,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน(Y-Y) โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ TCAP ลงทุนในบริษัทร่วม ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ประกอบกับสินเชื่อเช่าซื้อปรับลดลงตามนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผน”
“เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ช้ากว่าที่คาดในครึ่งปีแรก แต่มีความคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา การส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้าง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีความชัดเจนขึ้นบ้าง น่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเร่งการเติบโตขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการยังคงเน้นเรื่องการเสริมสร้างความมั่นคงและดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง โดยธุรกิจให้สินเชื่อมีการดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ดูแลเรื่องความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ส่วนธุรกิจประกันภัยจะเติบโตเบี้ยประกันรถยนต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในการใช้บริการ สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์จะเน้นการกระจายรายได้ไปยังธุรกิจหลักทรัพย์ด้านอื่นมากขึ้น ลดการพึ่งพิงรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ ในด้านธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ยังคงดำเนินแผนการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และเน้นเติบโตสินเชื่อใหม่ที่มีคุณภาพภายใต้สินเชื่อกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างเข้มงวดได้เป็นอย่างดี”