YLG เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดยังสามารถเคลื่อนไหวทรงตัวในระดับสูง ใกล้กับราคาเป้าหมายที่ YLG ให้ไว้ที่ 3,000 – 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งตอบรับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หลังเห็นสัญญาณการอ่อนแอของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ที่ร่วงสู่ระดับ 77,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 141,000 ตำแหน่ง จึงต้องจับตาตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐอย่างใกล้ชิด
และแม้ว่าราคาทองคำย่อตัวลง แต่ยังเห็นแรงช้อนซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งถูกกระตุ้นจากความกังวลในสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นและไปกระทบเศรษฐกิจโลก ประกอบกับสาเหตุหลักจากความไม่แน่นอนในมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐ แม้โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะประกาศเลื่อนการเก็บภาษี 25% กับสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี สหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. แต่เป็นวันเดียวกับการเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีจากสหรัฐ
ในขณะที่ ทำเนียบขาวประมาณการว่า 62% ของสินค้านำเข้าจากแคนาดาจะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการภาษี เช่นเดียวกับ สินค้าประมาณ 50% จากเม็กซิโก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น YLG ยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากผ่านไปได้จะไปที่แนวต้านถัดไปที่ 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมาสูงมากย่อมเผชิญความเสี่ยงแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาตามรอบ แต่ยังเชื่อว่าระยะยาวปีนี้ยังเป็นขาขึ้น เนื่องจากตลาดได้เริ่มกลับมาคาดการณ์ว่าจะเฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.50-3.75% ณ สิ้นปี นับเป็น Sentiment เชิงบวกในฐานะสินทรัพย์ที่ได้รับอานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะสั้นนั้น YLG มองว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวทรงตัวในระดับสูง อยู่ภายในกรอบ 2,892-2,931 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งหากผ่านขึ้นไปได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านย่อยที่ 2,955-2,970 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ก่อนที่จะขึ้นทดสอบเป้าหมายที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
แต่ในทางกลับกัน หากราคาหลุดกรอบลงมาด้านล่าง จะมีแนวรับสำคัญที่ 2,832 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งหากยืนเหนือระดับดังกล่าวได้มองว่าจะเป็นการสะสมแรงซื้อเพื่อปรับตัวขึ้นต่อในระยะกลาง-ระยะยาว
ขณะเดียวกัน ทองคำแท่งในประเทศ 96.5% แนะนำให้ซื้อขายทำกำไรจากการแกว่งตัวในระยะสั้นภายในกรอบ โดยมีกรอบด้านล่างที่ระดับ 46,000-45,800 บาทต่อบาททองคำ และกรอบด้านบนอยู่ที่ระดับ 47,150-47,400 บาทต่อบาททองคำ