CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ทางรอดของเอกชนไทย นับถอยหลัง Tariffs ทรัมป์ 2.0
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Economy > ทางรอดของเอกชนไทย นับถอยหลัง Tariffs ทรัมป์ 2.0
Economy

ทางรอดของเอกชนไทย นับถอยหลัง Tariffs ทรัมป์ 2.0

CTD admin
Last updated: 2025/07/21 at 5:34 AM
CTD admin Published July 21, 2025
Share

นโยบาย America First หรือ อเมริกาต้องมาก่อน ของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนโยบายที่เคยใช้หาเสียงตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2017 และได้รับชัยชนะในสมัยแรกและอยู่ในตำแหน่งจนถึงปี 2021 กระทั่งสมัยที่สองปี 2025 ทรัมป์ยังคงดำเนินตามนโยบายเดิม เป้าหมายของนโยบายดังกล่าวคือการปกป้องผลประโยชน์ของคนอเมริกัน ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และลดการพึ่งพาแรงงานข้ามชาติ แรงงานไร้ฝีมือโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม

ในส่วนของนโยบายภาษีศุลกากรที่กำลังเป็นข้อพิพาท และสร้างความกังวลให้แก่ประเทศคู่ค้ากับสหรัฐฯ ทั้งหมด เพราะทรัมป์ ต้องการสนับสนุนสินค้า และอุตสาหกรรมภายในประเทศเป็นหลัก อีกนัยยะหนึ่งคือเพื่อต้องการสร้างสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เสียดุลการค้าจำนวนมหาศาล

การปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นดาบสองคม แม้ว่าจะสามารถลดการเสียดุลการค้าได้ ขณะเดียวกันกลับสร้างความขัดแย้งให้หนักข้อขึ้น เมื่อการปรับขึ้นอัตราภาษีไม่ได้เป็นไปในลักษณะของการทำข้อตกลงและยอมรับร่วมกัน แต่เหมือนเป็นการตั้งเงื่อนไขเพื่อข่มขู่เรียกร้องผลประโยชน์มากกว่า เพราะการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า คือการที่ประเทศคู่ค้าเหล่านั้นต้องเสนอเงื่อนไขทางการค้า การทหาร ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะพอใจ

สิ่งที่ควรจะเป็นคือสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศที่เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย แต่การเรียกร้องจนเกินพอดีและดูเหมือนจะเอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว น่าจะทำให้สหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยวในที่สุด

ประเทศไทยจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ต้องบอกว่านี่จะเป็น “หายนะ” เพราะหากการเจรจาไม่สำเร็จ อัตรานี้เท่ากับว่าไทยจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าอีกหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้าโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งกระทบภาคส่งออก และเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีในครั้งนี้ได้แก่ ยานยนต์ อาหาร พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ซึ่งจะครอบคลุมสินค้า 25 รายการ โดยแบ่งเป็น กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบร้ายแรง ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์-จักรยานยนต์, เซมิคอนดักเตอร์, คอมพิวเตอร์-HDD, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, เหล็ก, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์สื่อสาร, แผ่นวงจรพิมพ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ สายเคเบิล, ยางพาราและไม้ยางพารา, สินค้าประมง โดยเฉพาะกุ้ง, สิ่งทอ, แผงโซลาเซลล์และชิ้นส่วนประกอบ และถุงมือยาง

กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบปานกลาง ได้แก่ มันสำปะหลัง น้ำตาล ปาล์มน้ำมัน ผัก ผลไม้สด/แปรรูป, สินค้าปศุสัตว์และเนื้อสัตว์, อาหารสำเร็จรูป/อาหารแปรรูป/อาหารทะเลแปรรูปอื่น ๆ , ยานยนต์และยางล้อ, เม็ดพลาสติก, อาหารสัตว์เลี้ยง, อาหารปศุสัตว์, บรรจุภัณฑ์โลหะและกระดาษ กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ ข้าว, นมและผลิตภัณฑ์นม, เครื่องดื่ม

ทางรอดผู้ประกอบการไทย

ขณะที่แนวทางการรับมือสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ คือ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่างไปจากเดิม การเพิ่มคุณภาพของสินค้าจะทำให้มูลค่าของสินค้านั้นสูงขึ้น

นอกจากนี้ การมองหาตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ดูจะเป็นแนวทางที่น่าจะสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการไม่น้อย เพราะหากปล่อยให้ธุรกิจแขวนไว้บนกติกาการค้าที่ไม่มีวันเหมือนเดิม ตราบเท่าที่สหรัฐฯ ยังคงมีประธานาธิบดีชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งเป็นการนับถอยหลังสู่ความเสียหายแบบที่อาจไม่มีวันกอบกู้ได้

หลายอุตสาหกรรมเริ่มปรับแผนการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการมองหาตลาดใหม่ที่มีความต้องการ และเหมาะสมกับสินค้านั้น ๆ เช่น กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ที่มีกำลังซื้อ ต้องการสินค้ามีคุณภาพ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป หรือประเทศในกลุ่ม BRICS

หรืออีกหนึ่งหนทางคือ การมองหาโอกาสการเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่เรียกตัวเองว่า “ดินแดนแห่งเสรีภาพ” เพียงแต่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรในท้องถิ่น และการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และมีเทคโนโลยีขั้นสูง

SCB EIC ประเมินไว้ว่า อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทย หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ลดลงสะสมประมาณ 8.1 แสนล้านบาท เมื่อบังคับใช้ครบ 5 ปี ภาษีตอบโต้จะกระทบภาคธุรกิจรุนแรงและชัดเจนมากขึ้นเมื่ออายุการบังคับใช้ยาวนานมากขึ้น

นอกจากนี้ไทยอาจจะต้องสูญเสียความสามารถในการแข่งขันหากยังต้องจ่ายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 36% คือ จะถูกคู่แข่งอย่างประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย แซงหน้าสำหรับประเทศที่น่าลงทุนในระยะยาว ไทยจะถูกตกชั้นประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของโลก

ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ของไทยจะลดลง ซึ่งจุดนี้จะทำให้ไทยเสียเปรียบเมื่อเทียบกับเวียดนามที่มี FDI สูงกว่าไทย 15 เท่า มาตั้งแต่ปี 2015 และอุตสาหกรรมที่เคยมีฐานการผลิตในไทยอาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีสิทธิภาษีดีกว่าจากสหรัฐฯ นั่นคือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และอาหารแปรรูป

You Might Also Like

CIVIL มุ่งรักษาเสถียรภาพธุรกิจรับมือความผันผวน รุกประมูลงานครึ่งปีหลัง 68 เติม Backlog ทั้งปี 6,000 ลบ.

SAWAD พร้อมขายหุ้นกู้ 4 รุ่น ดอกเบี้ย 3.60%-4.30% เปิดจอง 22-24 ก.ค.นี้ สร้างโอกาสลงทุนที่มั่นคง ฟิทช์จัดอันดับความน่าเชื่อถือ A-(tha) ชูฐานะการเงินแกร่ง

เช็คชีพจรเศรษฐกิจไทย หลังนายกต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ทำไมเวลานี้ Ethereum ถึงดูน่าสนใจกว่า Bitcoin

TAGGED: Tariffs, กำแพงภาษี, โดนัลด์ ทรัมป์

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin July 21, 2025
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ttb ดึงกูรูด้าน อาหาร-เครื่องดื่ม แชร์โอกาสฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?