บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ได้การประเมินทิศทางของราคาทองคำไว้ว่า ยังคงมีความผันผวน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ กับแคนาดา แม็กซิโก และจีน โดยมีการปรับตัวจาก $2,859 ขึ้นมาแตะระดับ สูงสุดที่ $2,930
ส่วนอีกด้านคือในเรื่องของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
และจากนั้นราคาทองก็มีการปรับลงมาที่ระดับ $2,910 หลังจากที่ประธานเฟด (FED) ได้ออกมาพูดว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งและอยู่ในสภาวะปกติ จึงยังไม่เร่งรีบลดอัตราดอกเบี้ย” จึงทำให้เฟด อยู่ระหว่างการประเมินนโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีการพิจารณาดำเนินการเรื่องอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ถึงอย่างนั้น ยังคงต้องติดตามประเด็นภาษีการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้เริ่มบังคับใช้ภาษี 10% กับสินค้าเกษตรรวมถึงอาหารจากสหรัฐฯ ซึ่งคงต้องรอดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งหากเกิดการตอบโต้ขึ้นมา ก็จะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อราคาทองคำอีกด้านหนึ่งที่ต้องจับตามอง
อีกทั้ง ในช่วงกลางสัปดาห์ (12 มี.ค.) ต้องติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขคาดการณ์มองว่าจะปรับตัวจาก 3.0% ลงมาอยู่ที่ 2.9% หากลดลงตามคาด ก็จะส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำ
ซึ่งทาง GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับราคาทองคำในตลาดโลก รอย่อแล้วหาจังหวะ OPEN LONG Gold spot ในกรอบราคา $2,880-$2,865
ส่วนราคาทองคำไทยไม่ควรหลุดกรอบ 46,000-45,900 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าว ควรลดสถานะ Long เพื่อหาจังหวะตั้งรับใหม่ในโซนราคาที่ต่ำกว่า ส่วนเป้าหมายในการทำกำไรเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 46,700-46,800 บาท