CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading:  27 ปี วิกฤตการเงินไทย ค่าเงินบาทลอยตัว วันนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้า หรือย่ำอยู่กับที่
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Economy >  27 ปี วิกฤตการเงินไทย ค่าเงินบาทลอยตัว วันนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้า หรือย่ำอยู่กับที่
Economy

 27 ปี วิกฤตการเงินไทย ค่าเงินบาทลอยตัว วันนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้า หรือย่ำอยู่กับที่

CTD admin
Last updated: 2024/09/18 at 8:27 AM
CTD admin Published July 8, 2024
Share

วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 คือวันที่ประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ไทยเปลี่ยนสถานะจาก “เสือตัวที่ห้าแห่งเอเชีย” กลายเป็นลูกหนี้คนสำคัญของกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่าง IMF

มูลเหตุมาจากการขาดความตระหนักถึงความเสี่ยงของสถาบันการเงินจนก่อหนี้จากต่างประเทศจนเกินตัว รวมถึงการเก็งกำไรมากเกินพอดีในตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ไทยยังเผชิญปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตลอดช่วงปี 2530-2540 ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนถูกยึดไว้ ทำให้ถูกโจมตีค่าเงินบาท สถานการณ์ในเวลานั้นทำให้ภาครัฐต้องนำทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้ในการดูแลเสถียรภาพค่าเงิน การปล่อยลอยตัวค่าเงินบาททำให้ค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งสถาบันการเงินที่กู้เงินจากต่างประเทศมากจากเดิมที่กู้ 1 ดอลลาร์ แลกได้ 28 บาท กลายเป็นต้องหาเงิน 55 บาท เพื่อมาชำระหนี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ นั่นทำให้ ลุกหนี้สถาบันต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น ในเวลานั้นรัฐบาลต้องปิดสถาบันการเงินมากถึง 56 แห่ง

วิกฤตครั้งนั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึง เถ้าแก่ เจ้าสัว ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ล้วนเจ็บหนัก ต้องขายกิจการ การสูญเสียสินทรัพย์และทรัพย์สินในช่วงเวลานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ธุรกิจที่ล้มครืนฟื้นกลับมา

อดีตและปัจจุบัน

กลับมาที่เวลาปัจจุบัน บทเรียนจากวิกฤตการเงินเมื่อ 27 ปีก่อน ทำให้ทั้งภาครัฐ โดยเฉพาะแบงก์ชาติมีความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เปลี่ยนจังหวะก้าว ปรับแผนการดำเนินธุรกิจด้วยความไม่ประมาท

หากเปรียบเทียบตัวเลข GDP ในปี 2540 อยู่ที่ -2.8% ปี 2541 GDP อยู่ที่ -7.6% และปี 2566 GDP อยู่ที่ 1.9% และคาดการณ์กันว่า GDP ปี 2567 จะอยู่ที่ 2.6%

และที่น่าสนใจคือเงินทุนสำรองของไทยในเดือนมิถุนายน ปี 2540 อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2567ไทยมีเงินทุนสำรองมากถึง 25.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เศรษฐกิจไทยเดินหน้าหรือย่ำอยู่กับที่?

สถานการณ์เศรษฐกิจยังคงเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวล แม้ไทยจะยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตเฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมา ทว่า การวางใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันดูจะเป็นการประมาทเกินไป

กระนั้นหากจะเปรียบเทียบแบบเม็ดต่อเม็ดระหว่างสถานการณ์ปัจจุบันและอดีตเมื่อ 27 ปีก่อน คงไม่ถูกต้องนัก เมื่อปัจจัยแวดล้อมที่ยึดโยง และเป็นตัวแปรสำคัญแตกต่างกัน ทั้งปัจจัยภายนอก อย่างความขัดแย้งระหว่างประเทศของซีกโลกตะวันตก และตะวันออก การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ยังมีสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่เพิ่งปะทุขึ้นเมื่อไม่นานนี้

ปัจจัยภายในคือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย การเปลี่ยนผ่านของผู้นำรัฐบาล ความไม่มั่นใจของแนวทางการบริหารและนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงประชาชน

ต้องบอกว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเดินหน้าและมีการพัฒนามาจากอดีตอันเลวร้ายก็คงไม่ผิดนัก แต่ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่า เวลานี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางบวก เมื่อเห็นได้จากตัวเลขติดลบตัวแดงบนกระดานหุ้น แม้ว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมและเงินทุนสำรองจะแตกต่างกัน ทว่า เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังอยู่ในความน่ากังวล หนี้ครัวเรือนเมื่อสิ้นปี 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 91.3% ต่อ GDP หรือประมาณ 16.2 ล้านล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล

นอกจากนี้ นโยบายด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลดูจะฉาบฉวยมากเกินกว่าจะสร้างความยั่งยืน สร้างงาน โดยเฉพาะนโยบายการแจกเงินดิจิทัลที่ต้องใช้เม็ดเงินมูลค่ามหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท แต่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงไม่กี่สัปดาห์

หากจะสรุปว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอาจจะหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งก็คงจะไม่ผิดหนัก หากแต่จะเป็นไปในลักษณะเลวร้ายแบบ ”ซึมลึก” เสมือนคนป่วยที่ไม่ถูกได้รับการรักษาที่ถูกจุด มีรอยรั่วที่หัวใจ แต่รักษาที่ปอด กระดูกหักที่แขนที่เข้าเฝือกที่ขา

เศรษฐกิจในระดับฐานราก (ภาคประชาชน) อ่อนแอ ไร้กำลังซื้อ ตลาดระดับกลางถึงบนมีความกังวลเน้นออมในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ไม่มีการลงทุน ตลาดบนถูกผลกระทบด้านดอกเบี้ยนโยบาย และปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เรียกว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันป่วยสาหัส แต่ยังไม่แสดงอาการที่ชัดเจน

มรดกหนี้และบทเรียนราคาแพง

นอกจากบทเรียนราคาแพงที่ไทยต้องเรียนรู้จากวิกฤตต้มยำกุ้ง และนำมาปรับใช้เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจเดินทางซ้ำรอยประวัติศาสตร์ อีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นมรดกจากเมื่อ 27 ปีที่แล้วคือ มูลหนี้จากกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 5.9 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 1.4 ล้านล้านบาท ไทยจะต้องส่งเงินเข้า FIDF 0.46% ต่อปี และคาดว่าจะใช้หนี้ก้อนนี้หมดในปี 2575-2577 นี่เป็นเครื่องตอกย้ำความผิดพลาดและความประมาทของไทย ในการบริหารการเงินการคลัง

You Might Also Like

สงครามการค้า อเมริกาเมาหมัด คู่ชกซัดกลับ เศรษฐกิจ ฟื้น? หรือ ฟุบ?

“เอกา โกลบอล” ประเมินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับมือนโยบาย ‘ทรัมป์’

ราคาทองพุ่งทยาน! ทองรูปพรรณ ขายออก 55,500 บาท

Bitcoin ช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้ดี ท่ามกลางการจัดระเบียบโลก

TAGGED: การเงินไทย, ค่าเงินบาท, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจไทย

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin July 8, 2024
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article GPSC รุกแผนพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด
Next Article ‘เจ้าสัว’ หรือ ‘CHAO’ เทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 9 ก.ค.นี้ มุ่งเติบโตสู่ตลาดระดับโลก
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?