ก่อนหน้านี้ผลตอบแทนของ Ethereum สกุลเงินดิจิทัลมาร์เกตแคปอันดับสองจะตามหลัง Bitcoin อยู่ค่อนข้างมาก แต่เวลานี้ดูจะเริ่มมีความน่าสนใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการมาของกฎหมาย Genius ACT ที่สนับสนุน Stablecoin ของสหรัฐฯ
ในแง่ของกราฟ Ethereum เพิ่งจะกลับตัวมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่เป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่อง เทียบกับ Bitcoin ที่มีการสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้หลายต่อหลายครั้งและยังมีอัพไซด์อยู่แต่ถือว่าเริ่มจำกัดแล้ว การลงทุนใน Ethereum ช่วงนี้จึงมองได้ว่ามี Downside Risk ที่ต่ำกว่า
ด้านปัจจัยพื้นฐาน Ethereum ถือเป็น Blockchain Layer1 หรือผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชนที่มีส่วนแบ่งการตลาดในการสร้าง Stablecoin สูงที่สุดในสัดส่วน 50% การที่สหรัฐฯออกกฎหมายที่รับรองการสร้าง Stablecoin อย่างถูกกฎหมายจะเป็นตัวเร่งให้สถาบันการเงินและธุรกิจเอกชนออก Stablecoin ของตัวเองซึ่งจะเป็นการเพิ่มการใช้งานเชน Ethereum ให้มากขึ้น
รวมถึงกระแสของการแปลงสินทรัพย์ในโลกการเงินมาอยู่ในรูปแบบบล็อกเชนหรือ Tokenize ให้เป็น Real World Asset จะช่วยเพิ่มการใช้งานบล็อกเชน Ethereum ให้มากขึ้นหลังจากที่เป็นผู้นำตลาดอยู่ในเวลานี้
ประกอบกับแนวโน้มที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ จะอนุมัติฟีเจอร์การจ่ายผลตอบแทนจากการ Staking ให้กับผู้ถือกองทุน ETF ของคริปโต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับการลงทุนใน Ethereum ETF เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ที่ถือเหรียญ ETH และนำมา Staking เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 3% ต่อปี (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้)
ด้านข้อมูลพื้นฐานที่สนับสนุนปัจจัยบวกดังกล่าวเริ่มที่จะเห็นผลมากขึ้น โดย Supply ของ Ethereum ที่ถูกนำไป Staking แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์คิดเป็น 28.3% ของซัพพลายทั้งหมดที่ถูกล็อกไว้ใน Smart Contract และไม่สามารถขายได้ชั่วคราวบ่งบอกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกถือ ETH ไว้ระยะยาว แทนที่จะขายในราคาปัจจุบัน
ขณะเดียวกันเม็ดเงินลงทุนสุทธิในกองทุน Ethereum ETF ยังเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง แม้จะเจอกับปัจจัยลบนั่นคือความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน บ่งบอกถึงแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันที่ยังให้มุมมองเชิงบวก รวมถึงปริมาณการเปิดสถานะ Future ของ Ethereum ในตลาด CME ยังทำสถิติใหม่บ่งบอกถึงความสนใจของนักลงทุน
สำหรับผู้ที่พลาดการลงทุนใน Bitcoin ช่วงเริ่มต้นของการเป็นขาขึ้นสามารถที่จะศึกษาโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน Ethereum ได้ โดยคาดว่าครึ่งปีหลังแนวโน้มตลาดจะสดใสกว่าครึ่งปีแรกโดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
อย่างไรก็ตาม Ethereum ยังมีความผันผวนมากกว่า Bitcoin ผู้ที่สนใจลงทุนต้องศึกษาให้รอบด้านและต้องมีวินัยการลงทุนในระดับสูง
ทั้งนี้บทความนี้เป็นมุมมองการลงทุนส่วนตัว ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนแต่อย่างไร
นเรศ เหล่าพรรณราย Founder Ricco, นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย