นับตั้งแต่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์ จนถึงปัจจุบันราคา Bitcoin เข้าสู่ช่วงปรับฐานมาแล้วเป็นระยะเวลาเกือบสิบเดือน และเกิดข่าวร้ายต่างๆ ขึ้นมากมาย ตั้งแต่การล่มสลายของเหรียญ LUNA และแพลตฟอร์ม CeFi ต่างๆ รวมถึงราคาเหรียญที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่ 80-90%
.
คำถามที่นักเทรดคริปโตทั้งโลกต้องการจะรู้คือ ถึงตอนนี้ราคา Bitcoin และตลาดคริปโตลงมาจนถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง?? คุณณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ได้ให้ข้อสังเกตไว้ดังนี้
.
ข้อแรก..สถิติเก่าในอดีตราคา Bitcoin จะใช้เวลาในการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดลงมาถึงจุดต่ำสุดจะใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งปี และในรอบขาลงของปีนี้จะครบรอบหนึ่งปีเต็มในเดือนพฤศจิกายนเท่ากับว่าระยะเวลาก็จะใกล้เคียงกับสถิติเก่าในอดีตแล้ว
.
ข้อสอง..ตัวเลขการปรับฐานลดลงทุกครั้งของวัฐจักรขาลง การปรับฐานของราคา Bitcoin ครั้งแรกในช่วงปี 2013 ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดถึง 90% หลังจากนั้นในวัฐจักรขาลงแต่ละรอบจะปรับฐานลงในระดับดังกล่าวทุกครั้ง โดยครั้งล่าสุดลดลง 85%
.
ถึงตอนนี้ราคา Bitcoin ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 75% ที่ราคา 17,500 ดอลลาร์ ถ้าหากมองว่าระดับการปรับฐานลงของ Bitcoin น้อยลงในทุกรอบก็อาจจะมองได้ว่า Bitcoin อาจจะลงได้อีกเต็มที่ก็ 5% หรือลดลงจากจุดสูงสุด 80% เท่ากับว่า Downside Risk เริ่มจะจำกัดแล้วเช่นกัน
.
ข้อสาม..ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าทำนิวไฮแต่ราคา Bitcoin และตลาดหุ้นเริ่มไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ โดยทั้งสองสินทรัพย์ต่างได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์มาตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดในช่วงเดือนกรกฎาคม ตลาดหุ้นและ Bitcoin ยังไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ ขณะที่ Dollar Index เริ่มแสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่อ่อนแรงลง
.
แม้ว่า FED จะยืนยันในการปรับชึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องแต่ตลาดก็ได้ซึมซับกับประเด็นดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว ถ้าหากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็มีโอกาสสูงที่เงินเฟ้อสหรัฐฯจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมถึงประเทศอื่นๆเริ่มที่จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.75% เพื่อดึงค่าเงินของตัวเองกลับมาแข็งค่าก็ช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะช่วยให้แรงขายใน Bitcoin เริ่มลดลง
.
ข้อสี่..ราคา Bitcoin ยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ได้อย่างต่อเนื่องประกอบกับข้อมูล On Chain Data ระบุว่านักลงทุนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของ Bitcoin เป็นนักลงทุนระยะยาวที่ถือนานกว่า 1 ปีขึ้นไป ประกอบกับจำนวนซัพพลายใน Exchange ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้แรงขายแรงๆไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก
.
ข้อห้า..ยังไม่มีข่าวดีเกิดขึ้น ตามหลักจิตวิทยาตลาดในภาวะที่นักลงทุนยังลังเลและกล้าๆกลัวๆไม่มีข่าวดีมาสนับสนุนอาจจะเป็นจังหวะที่ตลาดค่อยๆปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งมีข่าวดีเข้ามาเต็มตลาดถึงจะเป็นสัญญาณของการกลับมาเป็นขาลง
.
ทั้งหมดนี้คือสมมุติฐานที่อาจมองได้ว่าราคา Bitcoin อาจจะลงมาใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่แนะนำว่ายังต้องให้ความสำคัญกับการอ่านกราฟเทคนิคและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคตลอดจนใช้หลักการของ Money Management มาประกอบด้วยนะครับ