ในยุคที่จีนเติบใหญ่ขนาดนี้ แพร่ขยายอำนาจทางธุรกิจไปทั่วโลก จนคนพูดกันทั่วว่าเงินหยวนจะแข็งแรงกว่าเงินดอลลาร์แล้ว แถมล่าสุดแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอย่าง BYD ยังทำยอดขายขึ้นที่ 1 ของโลก แซง Tesla ที่ดูเหมือนว่ายอดจะตกลงเรื่อย ๆ
แต่จีนก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญเพียงแค่ในภาคของการส่งออก แต่ในภาคของการนำเข้า หลายธุรกิจจากทั่วโลกเองก็หวังส่งขายในตลาดของจีนเหมือนกัน เพราะเชื่อว่าเป็นทางรอดสำคัญ และจะทำให้ยอดขายเติบโตได้
แต่อะไรทำให้ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้น และเชื่อว่าตลาดจีนคือทางรอดสำคัญของธุรกิจพวกเขา
เหตุผลพื้นฐานเลยก็คือเรื่องของประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนของจีน ซึ่งกว่า 50% เป็นชนชั้นกลางที่มีอำนาจในการซื้อพอสมควร และที่ผ่านมามีอัตราการใช้จ่ายสูง เป็นเงินนับล้านล้าน จึงทำให้แม้จะไปกินส่วนแบ่งตลาดเพียงเล็กน้อยสัก 1% ในบางตลาดของจีน ก็สามารถสร้างยอดขายมหาศาลให้ธุรกิจได้แล้ว
ปัจจัยต่อมาคือเรื่องของโอกาส ที่จีนเป็นประเทศหนึ่งที่นำเทรนด์ e-commerce หรือ online shopping กว่า 884 ล้านคนในจีนซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ นั่นหมายความว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็มีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาลในจีนได้
เรื่องต่อมาคือความต้องการที่หลากหลาย ยิ่งคนเยอะ ความต้องการก็ยิ่งแตกต่างกันมาก ลำพังแค่สินค้าในจีนเองก็อาจไม่สามารถตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งหมด (แม้จะจีนจะครอบคลุมความต้องการของคนทั้งโลกได้ก็ตาม) สินค้าจากต่างประเทศจึงเป็นที่ต้องการไม่น้อยหากสามารถจับกับความต้องการเฉพาะทางบางอย่างของผู้บริโภคจีนได้ตรงจุด
และที่สำคัญมาก ๆ คือจีนค่อนข้างเปิดโอกาส เนื่องจากได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลากหลายประเทศ (แต่เงื่อนไขก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศต้นน้ำปลายน้ำ) และมีนโยบาย รวมถึงระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในจีน
ด้วยเหตุนี้ ตลาดจีนจึงเป็นเป้าหมายของหลากหลายธุรกิจจากทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้น ภาพฝันที่สวยงามอาจมีการเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คิดไว้ และแม้ว่า GDP จะได้ตามเป้าที่ 5.2% แต่เศรษฐกิจหลายด้านยังน่าเป็นห่วงมาก ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีกหดตัว อสังหาฯ ที่เป็นเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจจีนก็เจอวิกฤตหนัก ภาคการผลิตไม่ค่อยเติบโต อัตราการว่างงานก็สูงขึ้น
ซึ่งก็ไปกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงและเปลี่ยนไป ซึ่งจากเดิมที่เน้นปริมาณก็จะหันไปใส่ใจกับคุณภาพที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราการเติบโตของรายได้ที่ค่อนข้างช้า ก็จะทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและพยายามไม่สร้างหนี้ ซึ่งโดยรวมแล้วอาจทำให้การบริโภคของจีนโตอยู่ที่ 4.6% ในปี 2024 และในด้านการนำเข้าก็ยังถือว่าน้อยลงถ้าเทียบกับปีก่อนหน้า
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจีนจะไม่ใช่ตลาดที่สำคัญต่อการเติบโตอีกต่อไป เพราะถึงอย่างไรจีนยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่มีอุปสงค์สูง เพียงแต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไป อาจมีหลายปัจจัยให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น เพื่อไม่ให้เผลอพลิกโอกาสเป็นวิกฤต
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2024/01/10/is-chinas-consumption-story-over-heres-what-experts-are-saying.html
https://rhg.com/research/through-the-looking-glass-chinas-2023-gdp-and-the-year-ahead/
https://www.businessinsider.com/china-middle-class-starting-to-look-like-americas-2021-12
https://www.bigcommerce.com/blog/selling-to-china/
https://tradingeconomics.com/china/imports-yoy