วายแอลจีประกาศความเป็นผู้นำผู้ให้บริการทองคำครบวงจรบนเวที ” The China Gold Congress and Expo 2024″ เวทีประชุมด้านทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต่อยอดเบอร์หนึ่งของอาเซียนผ่าน YLG Bullion Singapore สู่ตลาดระดับเอเชีย ด้วยการเปิดตัว YLG Gold Crest DMCC ภายใต้คำเชิญของรัฐบาล UAE มุ่งขยายตลาดจากอาเซียนสู่ตะวันออกกลางและตลาดโลก พร้อมเดินหน้าผลักความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt & Road (BRI)” สำหรับอุตสาหกรรมทองคำและเครื่องประดับ หวังกระตุ้นการบริโภคและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทองคำให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสดันเอเชียเป็นตลาดทองคำที่สำคัญของโลกในอนาคต
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี กรุ๊ป จำกัด (YLG) ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงาน ” The China Gold Congress and Expo 2024″ ซึ่งเป็นงานที่ได้รับการร่วมมือระหว่าง The China Gold Association เเละ The World Gold Council จัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นงานประชุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับอุตสาหกรรมทองคำที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากถึง 2,000 คน ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้นำทั่วทุกมุมโลกในการเข้าร่วมงาน อาทิ ผู้นำในด้านอุตสาหกรรม และผู้จัดแสดงสินค้าจำนวน 100 รายจาก 20 ประเทศ โดยการประชุมในครั้งนี้ให้ความสำคัญกับประเด็น “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI) สำหรับอุตสาหกรรมทองคำและเครื่องประดับ
โดยการกล่าวสุทรพจน์ภายในงานนางพวรรณ์ กล่าวว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีการบริโภคทองคำเพิ่มขึ้น 12% แตะที่ 43.2 ตัน ซึ่งตลาดทองคำของไทยนั้นถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน อย่างไรก็ตามการพัฒนาบริการซื้อขายทองคำของวายแอลจีในไทยได้พัฒนาก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ประเทศไทยมีทั้ง การจำหน่ายทองคำแท่ง ทองคำในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บัญชีออมทอง และการซื้อขายเศษทองผ่านระบบดิจิทัลด้วยเงินเริ่มต้นเพียงเงิน 100 บาท ด้วยการพัฒนาอย่างก้าวหน้านี้ ทำให้วายแอลจีได้ขยายการให้บริการไปสู่ผู้นำระดับอาเซียน ด้วยการเปิดบริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน สิงคโปร์ (YLG Bullion Singapore) ในปี พ.ศ.2555 ให้บริการด้านการลงทุนทองคำครบวงจรทั้งทองคำกายภาพ และแบบดิจิทัล ครอบคลุมการให้บริการลูกค้าทั่วทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากสิงคโปร์เป็นผู้นำตลาดการเงินของโลก
ล่าสุดวายแอลจียังได้ขยายบริการออกไปสู่ตะวันออกกลางด้วยการเปิดให้บริการ YLG Gold Crest DMCC ภายใต้คำเชิญของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และล่าสุด UAE ถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดีแม้ปัจจุบัน UAE จะยังไม่ใช่ตลาดหลักของทองคำ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักจะอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร แต่ปัจจุบัน UAE ได้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมทองคำเป็นอย่างมาก ล่าสุดปริมาณการส่งออกทองคำมีสัดส่วน 29% ของการส่งออกของประเทศดังนั้นวายแอลจีจึงมองเห็นแนวโน้มการเติบโตและคว้าจังหวะในการเข้าไปลงทุนและพร้อมที่จะเติบโตไปอีกขั้น
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของดูไบเป็นปัจจัยสำคัญ เมืองดูไบตั้งอยู่ในตะวันออกกลางมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ค้าและนักลงทุนจากตลาดหลักเช่นจีนและอินเดียในการทำธุรกิจกับผู้คนจากแอฟริกาและส่วนอื่น ๆ ของโลก นอกจากนี้ระบบภาษีของ UAE ยังเอื้อต่อการซื้อขายทองคำอย่างมาก” นางพวรรณ์ กล่าว
นอกจากนี้การขยายการให้บริการอย่างครอบคลุมของวายแอลจียังสอดคล้องกับแนวคิด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt & Road (BRI)” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือของการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากแนวคิดนี้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาผ่านการพัฒนาการค้าและโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่จะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง รวมถึงถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ และสนามบิน ซึ่งในอนาคตอาจจะทำให้สามารถเกิดการขนส่งทองคำมายังภูมิภาคเอเชียด้วยระยะเวลาที่สั้นลงและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงอาจจะสร้างโอกาสให้เกิดศูนย์กลางตลาดทองคำแห่งใหม่ที่เอเชียก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามการขยายบริการของ วายแอลจี ไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางในครั้งนี้จึงสอดคล้องแนวคิดหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาในอนาคตอันใกล้