นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ (MD) บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการมุ่งหน้าสู่เป้ารายได้ 1,000 ล้านบาทของ XPG จากการดำเนินงานในธุรกิจหลัก คือ การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินยุคใหม่ ตอบสนองลูกค้าที่ต้องการเงินทุน และลูกค้าที่ต้องการลงทุน ประกอบด้วย บริการด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking), ธุรกิจสินเชื่อ (Debt Financing), ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management), ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล (Brokerage), ธุรกิจการลงทุน (Investment) และ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Distressed Asset Management) รวมถึงรับรู้กำไรจากการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีศักยภาพในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเน้นอุตสาหกรรมที่จะเป็นที่ต้องการของอนาคต ได้แก่ ธุรกิจด้านพลังงานสะอาด และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น ธุรกิจด้านการชาร์จ EV เป็นต้น จากการวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมนี้ ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1/2567 XPG มีรายได้รวม 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 96 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/2567 ที่ 51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 / 2567 ที่เติบโตอย่างโดดเด่นนั้น รายได้มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้ค่าธรรมเนียมค่าบริการจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (XSpring AM) และธุรกิจนายหน้าค้าสินทรัพย์ดิจิทัล และบริการที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจในการจัดหาแหล่งเงินทุนผ่านการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) ผ่านบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XSpring Digital) 76 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ย กำไรเงินลงทุน และเงินปันผลกว่า 157 ล้านบาท จากธุรกิจสินเชื่อ (Debt Financing) บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG และบริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด หรือ XSpring AMC ที่เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพโดยเฉพาะการเริ่มรับรู้รายได้จากพอร์ตหนี้เสียทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน ซึ่งประมูลซื้อเข้ามาบริหารในช่วงปี 2566
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของ XPG มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงสะท้อนแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ตามแผนธุรกิจ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปี 2567 ผลการดำเนินงานจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในส่วนของเงินทุนนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากรับรู้การใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ XPG-W4 ซึ่งออกทั้งหมดจำนวน 413,031,684 หน่วย มีอายุ 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2562 โดยมีผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ มาใช้สิทธิตลอดอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ รวมจำนวน 405,950,665 หน่วย คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญที่ใช้สิทธิรวมทั้งสิ้น 2,279,776,034 หุ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้รับเงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ XPG-W4 รวมทั้งหมด 2,190,899,322 บาท โดยได้รับเงินจากการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายเดือนมีนาคม และเมษายน 2567 รวมเป็นเงิน 964,329,658 บาท
“ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา XSpring อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจ รายได้ต่าง ๆ จึงยังไม่โดดเด่น แต่นับจากปี 2566 ที่ผ่านมา XSpring ได้เริ่มแสดงผลงานเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และในปีนี้เป็นอีกปีที่เริ่มแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของผลกำไร โดยในส่วนที่มาของรายได้ที่กล่าวมาข้างต้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ดีในครึ่งปีหลังธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) จะยังเติบโตได้ดีเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งกองทุนส่วนบุคคล ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมตลาดเงิน ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นต้น นอกจากนี้รายได้จากงาน ICO ก็จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเริ่มคึกคักในครึ่งปีหลังของปีนี้เช่นกัน” นางสาววรางคณา กล่าว