“บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่” ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งแต่เพาะปลูกจนถึงเก็บผลผลิต ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แต่งตั้ง บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน รุกขยายธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพแบรนด์ “โอ้กะจู๋” พร้อมตอกย้ำการเป็น “The King of Organic Salad” ด้วยการเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Ohkajhu Wrap & Roll” และ “Oh Juice”
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “OKJ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” โดยเริ่มต้นทำธุรกิจจากแรงบันดาลใจ (Passion) ร่วมกับนายจิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) และนายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ต้อง) ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากการปลูกผักสวนครัวทั่วไปและผักสลัดบางชนิดเพื่อรับประทานในครอบครัว ภายใต้สโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” ก่อนต่อยอดไปสู่การดำเนินธุรกิจเพาะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษและสารเคมีตกค้าง ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงยึดมั่นในอุดมการณ์หลักที่จะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีธรรมชาติ โดยการออกแบบและจัดการฟาร์มที่ไม่พึ่งพาสารเคมีใด ๆ พร้อมคำนึงถึงผืนดิน ผลผลิต ระบบนิเวศ ครอบครัวและชุมชน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค 100% เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษและดีต่อสุขภาพ และจับมือกับพันธมิตร บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) โดยการเข้ามาถือหุ้น 20% ช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างโอกาสการเติบโตและก้าวไปอีกขั้น พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในปี 2556 บริษัทฯ ได้เปิดบริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพสาขาแรกที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ซึ่งมาจากชื่อของ นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การบริหารธุรกิจ รวมถึงมีความชื่นชอบในการทำอาหาร และนายจิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร และกระบวนการเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการ รวมถึงนายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ต้อง) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม นำความรู้ด้านเครื่องจักรทางการเกษตร การสร้างโรงเรือน และวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์มาพัฒนา ให้สามารถสร้างผลผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 ท่าน ใช้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย มาผสมผสานและร่วมกันสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น ขยายธุรกิจให้เติบโต ปรับตัวผ่านวิกฤตต่าง ๆ และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงมีวิสัยทัศน์ที่จะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน
“เรายึดมั่นในวิถีเกษตรอินทรีย์มาตลอดโดยไม่ได้ทำตามกระแส และสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งและใช้ชีวิตตามวิถียั่งยืน พร้อมสนับสนุนชุมชน ครอบครัว เกษตรกร พนักงานและลูกค้า ให้มีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี มีความสุขร่วมกันอย่างยาวนาน ซึ่งได้ถูกปลูกฝังในทุกสิ่งที่บริษัทฯ ทำ เพื่อสร้างการเติบโตและเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้โลกนี้ยั่งยืนมากขึ้น” นายชลากร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเราและสังคม” ตอกย้ำการเป็น ‘The King of Organic Salad’ ของประเทศไทย ภายใต้ 3 ธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ เช่น สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ เป็นต้น วางจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ โดยมีช่องทางจำหน่าย 4 ช่องทางหลัก คือ
1.1 Full-service Restaurant ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ เน้นให้บริการและจำหน่ายอาหารมื้อหลักที่ปรุงสดใหม่ รวมถึงการให้บริการแบบ Drive Thru บริการอาหารว่าง (Snack box) และการสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ เปิดดำเนินการร้านโอ้กะจู๋ ในรูปแบบ Full-service Restaurant จำนวนรวม 30 สาขา ในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ระยอง และชลบุรี
1.2 Delivery and Kiosk ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ เน้น Delivery และ Grab & Go ปัจจุบัน บริษัทฯ เปิดดำเนินการร้านโอ้กะจู๋ ในรูปแบบ Delivery and Kiosk จำนวนรวม 4 สาขา ในกรุงเทพฯ
1.3 Café Amazon จำหน่ายอาหารว่างและอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น แซนวิช สลัดผัก แร็พ สลัด ผ่านร้าน Café Amazon กว่า 300 สาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลางและภาคตะวันออก และ
1.4 Supermarket ซึ่งเป็นการวางจำหน่ายผลผลิตการเกษตรอินทรีย์ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เช่น ผัก ผลไม้ สลัดพร้อมทาน เป็นต้น ผ่าน Rimping Supermarket และ Gourmet Market จำนวน 9 สาขา ในเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ
(2) ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร๊พสลัด แซนวิช เบอร์เกอร์ และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูของร้านโอ้กะจู๋ เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบ และ (3) ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh Juice” ได้แก่ น้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเป็นเมนูสุขภาพและเสริมคุณค่าโภชนาการเหมาะกับคนทุกวัย ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดร้าน Ohkajhu Wrap & Roll และร้าน Oh Juice สาขาแรกไตรมาส 2 ปีนี้
นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์เชิงลึกแบบบูรณาการทุกกระบวนการ ตั้งแต่เพาะเมล็ด เตรียมดิน การดูแลระหว่างเพาะปลูก และเก็บเกี่ยว สามารถรักษาปริมาณและคุณภาพของผักผลไม้ โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน International Federation of Organic Agriculture Movements (IFOAM) จากสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ, มาตรฐาน USDA Organic ซึ่งเป็นมาตรฐานรับรองอาหารและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของสหรัฐอเมริกา และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป (EU Organic Certification)
ปัจจุบัน บริษัทฯ ปลูกผักสลัด ผลไม้ และดอกไม้ทานได้ ด้วยกระบวนการเกษตรอินทรีย์จากสวน 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการรับซื้อผักผลไม้ออร์แกนิคจากเกษตรกรในเครือข่ายเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบและจำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กาด” โดยแบรนด์ดังกล่าวเป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ (Ohkajhu’s Certified) ที่ใช้รับรองผักผลไม้สดออร์แกนิคจากเกษตรกร นับเป็นการสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงยังสร้างรายได้และอาชีพแก่ชุมชน
นายวรเดช สุชัยบุญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญการบริหารห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หรือ From Farm To Table เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพในแต่ละกระบวนการ เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการวางแผนเพาะปลูก ผลิตและจัดหาวัตถุดิบ ขนส่งและจัดเก็บวัตถุดิบที่สดใหม่ ตลอดจนการบริหารจัดการครัวกลาง บริหารจัดการสาขา และการกระจายสินค้า โดยเฉพาะผักที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งบริษัทฯ สามารถจัดส่งผลผลิตที่สดใหม่จากสวนถึงหน้าร้านภายใน 28 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจ “เราส่งมอบผักออร์แกนิคจากฟาร์มของเรา คัดสรรวัตถุดิบปราศจากสารเคมี นำเสนอผ่านประสบการณ์มื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน และให้การดูแลต้อนรับเสมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเพื่อร่วมอุดมการณ์ในวิถีอินทรีย์”
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อออกและเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ขยายสาขา เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน