CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: บ้านปูกับห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานครบวงจรในสหรัฐฯ ต่อยอดคุณค่าเพื่อการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Business > บ้านปูกับห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานครบวงจรในสหรัฐฯ ต่อยอดคุณค่าเพื่อการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน
Business

บ้านปูกับห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานครบวงจรในสหรัฐฯ ต่อยอดคุณค่าเพื่อการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน

CTD admin
Last updated: 2024/09/23 at 8:45 AM
CTD admin Published August 6, 2024
Share

จาก “ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ” ในสหรัฐอเมริกาที่ “บ้านปู” บุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2558 บ้านปูเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการบริหารงานของ BKV-BPP Power, LLC (BKV-BPP Power) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสหรัฐฯ ระหว่างบริษัทย่อยของบริษัท Banpu Power US Corporation (BPPUS) และ BKV Corporation (BKV) และคืบหน้าเข้าสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าในปี 2565 และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในรัฐเท็กซัสในปี 2566 เดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าค้าปลีกเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และครัวเรือน พร้อมกันนี้ ยังต่อยอดสู่ “โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” (Carbon Capture, Utilization and Sequestration: CCUS) ผ่านกระบวนการกักเก็บคาร์บอนเพื่อการนำไปใช้ต่อในเชิงพาณิชย์ ภายใต้ชื่อโครงการ Barnett Zero ดำเนินการครั้งแรกโดย BKV ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2.5 เมกะวัตต์ ภายใต้การบริหารจัดการของ BKV-BPP Power พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคมนี้

แน่นอนว่า การมีธุรกิจครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าส่งผลให้แต่ละหน่วยธุรกิจของบ้านปูดำเนินงานได้อย่างเชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการส่งมอบพลังงานไฟฟ้า สามารถบริหารจัดการทรัพยากร ลดต้นทุน ควบคุมความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร โดยเป้าหมายที่เหนือกว่าการแสวงหาผลกำไร นั่นคือการมุ่งสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม (Stakeholder) แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานที่มีการดำเนินงานครบวงจรด้วยรากฐานแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

จุดแข็งทางธุรกิจ ที่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

บ้านปูได้สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างแข็งแกร่งหลายปัจจัย เริ่มต้นจากการมีแหล่งก๊าซธรรมชาติ คุณภาพภายใต้การบริหารงานของ BKV ทั้งแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเท็กซัส และแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีกำลังผลิตรวมกันถึง 860 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน ส่งผลให้ BKV ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติ 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ ทั้งนี้ BKV ยังดูแลระบบท่อส่งรวม การแยกก๊าซ และการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและลดต้นทุนการดำเนินงาน อีกทั้งยังสามารถบริหารเวลา ปรับปรุงพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

ด้วยการสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และการแสวงหาโอกาสพัฒนาธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทร่วมทุน BKV-BPP จึงได้ขยายพอร์ตธุรกิจสู่การลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าผ่านการเข้าซื้อกิจการของ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Cycle Gas Turbines: CCGT) ตั้งอยู่ในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT (Electric Reliability Council of Texas) เขตเหนือ ในเมืองเทมเพิล รัฐเท็กซัส กลยุทธ์การลงทุนในครั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ รวมทั้งบริหารต้นทุนจากแหล่งผลิตจนถึงกระบวนการผลิตไฟฟ้า ทำให้สามารถบริหารต้นทุนต่อหน่วยได้ต่ำลง และสร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้น (Economies of Scale: EOS) โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งมีกำลังการผลิตรวมกัน 1,499 เมกะวัตต์ และที่สำคัญ มีทำเลที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เอื้อต่อการใช้พื้นที่ส่วนกลางเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ

กระบวนการผลิตไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ เกิดขึ้นได้ด้วยการมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี CCGT ที่ทันสมัยผสมผสานกระบวนการทำงานของกังหันก๊าซ (Gas Turbine) กับกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) เพื่อตอบสนองสภาพตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ ทำให้โรงไฟฟ้ามีความพร้อมในการจ่ายไฟในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน  โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II จึงตอบโจทย์ความต้องการในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีของ ERCOT และด้วยความพร้อมสู่การเติบโต บ้านปูยังได้เข้าสู่ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Power Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า (Power Retail) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงให้แก่ผู้บริโภครายย่อย โดยนับตั้งแต่บริษัทร่วมทุน BKV-BPP Power เริ่มกิจการธุรกิจไฟฟ้าค้าปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ภายใต้ชื่อ BKV Energy ปัจจุบัน มีลูกค้ารายย่อยกว่า 58,000 ราย

ต่อยอดธุรกิจเดิม สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อผลตอบแทนระยะยาว 

จากต้นทุนแหล่งก๊าซธรรมชาติเดิมที่มีอยู่ บ้านปูต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่ง โดยมี BKV dCarbon Ventures, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BKV โดยลงทุนใน โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) อีกหนึ่งความสำเร็จจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นผลพลอยได้ (Byproduct) จากกระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ โครงการ CCUS ยังช่วยให้เกิดธุรกิจขายก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon-Sequestered Gas: CSG)1 ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่สามารถนำไปจำหน่ายในตลาดด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม ทั้งนี้ BKV ได้ทำสัญญากับ ENGIE Energy Marketing NA, Inc ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทสาธารณูปโภคด้านพลังงานระดับโลก ENGIE S.A. ในเดือนสิงหาคม 2566 และ Kiewit Infrastructure South Co. บริษัทในเครือของ Kiewit Corporation ในเดือนมิถุนายน 2567 สำหรับการขายและการซื้อ CSG หลังจากบรรลุข้อตกลงนี้แล้ว คาดว่าการส่งมอบ CSG จะเริ่มในปลายปี 2567 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บ้านปูยังมองเห็นโอกาสจากการจัดสรรพื้นที่ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่แหล่งก๊าซบาร์เนตต์ รัฐเท็กซัส ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Ponder Solar) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน BKV-BPP Power ซึ่งพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนสิงหาคม 2567 BKV-BPP Power ยังพิจารณาโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจพลังงาน เช่น การขยายธุรกิจสู่โครงการแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage System: BESS) หากประสบความสำเร็จ ธุรกิจนี้จะรองรับความต้องการการใช้พลังงานทางเลือกในอนาคต ช่วยให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ของบ้านปู โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสหรัฐฯ

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูขยายและปรับพอร์ตธุรกิจในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เรามองสหรัฐฯ เป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ดังนั้น การพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานที่ครอบคลุม และการแสวงหาโอกาสธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน จะเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตทางธุรกิจพลังงานของบ้านปู ทั้งนี้ เรามีการจัดสรรงบฯ ลงทุนธุรกิจในสหรัฐฯ กว่าร้อยละ 50 ของงบลงทุนในปีนี้ พร้อมความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าในเชิงพาณิชย์ให้กับห่วงโซ่ธุรกิจพลังงาน และคุณค่าในเชิงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์เป้าหมายทางสิ่งแวดล้อมและการต่อยอดทางธุรกิจอย่างยั่งยืน”

You Might Also Like

การลงทุนของ GULF ที่มีนัยยะมากกว่าแค่ปันผล

ศึกสายเลือดทายาท “ดุสิตธานี” ความขัดแย้งแบบไม่เผาผี?

SKIN เจ้าของ Skinsista , Dermie ปักหมุดโรดโชว์ เสนอข้อมูลธุรกิจ ร่วม 8 จังหวัด

EKA GLOBAL ชูโซลูชั่นกรีนโปรดักส์ รับเทรนด์ความยั่งยืน ภายในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2025

TAGGED: banpu, ธุรกิจพลังงาน, บ้านปู, โรงไฟฟ้า

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin August 6, 2024
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article นึกว่า “ลูกขนไก่”  ที่ไหนได้ ทำจากขน… 
Next Article PROUD ได้ฤกษ์เข้าเทรด SET 6 ส.ค.นี้ ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ พร้อมเป้าหมายสู่หุ้นกองทุน Thai ESG
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?