เหรียญ Altcoin ต่างๆในโลกของคริปโตถูกแบ่งแยกออกมาเป็นกลุ่มต่างๆ เหมือนกับหุ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม DeFi กลุ่ม Metaverse กลุ่ม GameFi กลุ่ม Meme Coin ฯลฯ แต่เหรียญกลุ่มที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ และราคาเหรียญค่อนข้างที่จะ Outperform ตลาดในภาพรวมก็คือกลุ่ม Blockchain Layer 1
.
เหรียญในกลุ่มดังกล่าวมีตั้งแต่ Ethereum,Cardano,Polkadot,Avalanche ฯลฯ รวมถึงเหรียญ Luna ที่มีปัญหาไปก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์ของเหรียญเหล่านี้คือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับ dApps ต่างๆหรือโปรเจกต์ด้านคริปโตอย่าง DeFi,GameFi หรือ NFT
.
พูดง่ายๆคือเวลาที่เราจะสร้าง dApps ขึ้นมาเราไม่จำเป็นต้องไปสร้างโค้ดหรือเขียนภาษาใหม่ขึ้นมาเอง แต่ใช้โค้ดหรือโครงสร้างพื้นฐานที่นักพัฒนา Blockchain Layer1 เหล่านี้ได้พัฒนาเอาไว้แล้ว เหมือนกับเวลาที่เราจะเขียนแอปบนมือถือเราก็ต้องมาเลือกว่าจะอยู่บนระบบ ios หรือ Android นั่นเอง
.
นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ มองว่า ผู้พัฒนา Blockchain Layer1 จะต้องแข่งขันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ดึงดูดนักพัฒนา dApps ให้เข้ามาใช้งานไม่ว่าจะเป็นการสร้างให้มีความเร็วในการทำงานที่สูง ค่าธรรมเนียมต่ำ ระดับความปลอดภัยสูง ฯลฯ เพราะการที่มีผู้พัฒนา dApps มาใช้งานมากเท่าไรก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับค่ายบล็อกเชนนั้นๆมากขึ้นจากค่าธรรมเนียม
.
จุดเด่นของเหรียญในกลุ่มนี้ ก็คือการมีฟีเจอร์ Smart Contract ทำให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างหลากหลายโดยไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์และยังสามารถสร้างรายได้จากการวาง Staking ได้อีกด้วย
.
ช่วงปี 2021 เหรียญในกลุ่มดังกล่าวจึงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดคริปโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเวลานั้น Ethereum ซึ่งเป็นเจ้าตลาดของ Smart Contract มีการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างช้าและต้องเสียค่า Gas หรือค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนมาก ทำให้ผูพัฒนา Blockchain Layer1 รายใหม่พากันแข่งขันที่จะชิงตำแหน่งผู้นำมาจาก Ethereum ประกอบกับการเป็นยุคเฟื่องฟูของ DeFi,GameFi และ NFT อีกด้วย
.
แต่พอถึงปี 2022 ที่ตลาดคริปโตเป็นขาลง เหรียญในกลุ่มนี้ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยประกอบกับกรณีของ Terra Chain และเหรียญ UST ที่ล่มสลายทำให้เหรียญกลุ่มนี้ถูกเทขายไปด้วย
.
อย่างไรก็ตามในระยะยาวเหรียญในกลุ่ม Blockchain Layer1 ยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุน โดยเปรียบเสมือนกับการลงทุนในห้างสรรพสินค้าที่แข่งขันกันดึงร้าค้าหรือแบรนด์ต่างๆให้เข้ามาเปิดร้านภายใน ถ้าหากเราเลือกลงทุนในร้านใดร้านหนึ่ง (เหรียญใดเหรียญหนึ่ง) ถ้าหากร้านนั้นไม่ประสบความสำเร็จเราก็จะขาดทุนกับการลงทุน
.
แต่ถ้าหากเราลงทุนในห้างที่มีศักยภาพที่มีร้านค้าจำนวนมากอยู่ในนั้น ถ้าหากมีร้านใดร้านหนึ่งปิดตัวไปแต่อาจจะมีร้านอื่นที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน จึงเป็นหลักการกระจายความเสี่ยงที่ดี
.
ประกอบกับหากอุตสาหกรรมคริปโตฟื้นตัวไม่ว่าจะเป็น DeFi,GameFi และ NFT จะเกิดความต้องการใช้งาน Blockchain Layer1 เข้ามาซึ่งจะเป็นผลบวกต่อเหรียญในกลุ่มดังกล่าว สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนระยะยาวในเหรียญกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ Blockchain Layer1 จึงมีความน่าสนใจ
.
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต้องจับตาการอัปเกรด Ethereum เวอร์ชั่น The Merge ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Ethereum ได้ดียิ่งขึ้นอาจจะทำให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานยังคงยึดมั่นกับการใช้งาน Ethereum ต่อไปก็ได้เช่นกัน