แม้ช่วงที่ผ่านมาทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือทองคำล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงบิทคอยน์ คุณ ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ชี้ถึงจุดน่าสนใจของราคาบิทคอยน์ ที่สามารถยืนเหนือจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 17,500 ดอลลาร์ มาได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีแรงเทขายมาตลอดก็ตาม ทำให้อาจมองได้ว่าราคาบิทคอยน์อาจจะพ้นจุดต่ำสุดแล้วและมีโอกาสจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้
.
อย่างไรก็ตามอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือ Black Swan ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดคริปโตทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งอาจจะทำให้ราคาบิทคอยน์ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ได้เช่นกัน ลองไปดูกันว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น
.
การผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศอื่นๆที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์หนุนหลังลดลงไปด้วยรวมถึงต้นทุนของหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศที่มีสถานะทางการเงินอ่อนแออาจจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดการเงินทั่วโลกรวมถึงราคาบิทคอยน์
.
ช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นบางประเทศที่มีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กแต่ถ้าเร็วๆนี้มีประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ขึ้นมีการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นก็มีโอกาสจะเกิด Panic Sell ขึ้นได้เช่นกัน เหตุการณ์นี้ถือเป็น Black Swan ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด
.
การหลุด Peg ของ Stablecoins ประเด็นนี้เคยเป็นความกังวลมากที่สุดของวงการคริปโตหลังจากเกิดเหตุการณ์ของเหรียญ UST และ LUNA จนสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยตลาดเล็งไปที่เหรียญ USDT ซึ่งเป็น Stablecoins ที่มีมาร์เกตแชร์มากที่สุดแต่มีสินทรัพย์ที่หนุนหลังด้วยหุ้นกู้เอกชนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลซึ่งนอกจากมีสภาพคล่องน้อยและยังมีความเสี่ยงมากกว่า อย่างไรก็ตามทาง Tether ผู้สร้างเหรียญ USDT ได้ประกาศว่าทำการลดสัดส่วนของหุ้นกู้ลงจนตอนนี้มีพันธบัตรรัฐบาลหนุนหลังครบ 100% ไปแล้ว ประเด็นนี้จึงมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น
.
Exchange ขนาดกลางยุติกิจการสภาวะตลาดคริปโตที่เข้าสู่ภาวะหมียาวนานเกือบหนึ่งปีและอาจจะมีอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ Exchange ขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่สายป่านสั้นอาจไปไม่รอดจนต้องเลิกกิจการซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักเทรดอย่างมาก แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าวและ Exchange ส่วนใหญ่มีการหารายได้รูปแบบอื่นๆนอกเหนือจากการเทรดเช่น Launchpad หรือ NFT ทำให้น่าจะพอเอาตัวรอดไปได้ในภาวะตลาดหมี
.
การ Rug Pull ครั้งใหญ่ใน DeFi แม้ว่าโปรเจกต์ DeFi ส่วนใหญ่ที่ทำการขโมยเงินของลูกค้าหรือ Rug Pull จะเป็นโปรเจกต์ขนาดเล็กที่ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรวมมากนัก แต่ถ้าเกิดกับโปรเจกต์ขนาดใหญ่อย่าง Uniswap อาจจะทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีไม่มากนักเพราะถ้าจะเกิดการ Rug Pull ก็น่าจะเกิดขึ้นไปตั้งแต่ตลาดกำลังเป็นขาขึ้นไปแล้วและที่ผ่านมาโปรเจกต์ขนาดใหญ่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความเป็น Decentralized อย่างแท้จริง
.
การกำกับดูแลที่เข้มงวดของรัฐบาลรัฐบาลทั่วโลกไม่ว่าจะสหรัฐเมริกา ยุโรปหรือในเอเชียต่างพยายามออกกฎเกณฑ์ที่จะมาควบคุมตลาดคริปโตในหลากหลายแง่มุม แต่ยังดีที่ประเทศเหล่านี้ยังไม่มีแนวคิดจะปิดกั้นการเข้าถึงคริปโต 100% เหมือนกับที่ประเทศจีนทำ ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดความกังวลมากนัก
.
และนี่คือเหตุการณ์ Black Swan ทั้งห้าที่มีโอกาสทำให้ตลาดคริปโตกลายเป็นขาลงหรือมีแรงขายแรงๆอีกครั้ง แม้ทุกเหตุการณ์จะมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนักแต่ยังไม่สามารถที่จะประมาทได้