แม้ว่าตลาดคริปโตในปี 2024 ดูจะมีข่าวดีสนับสนุนไม่น้อย นับตั้งแต่การอนุมัติ Bitcoin ETF นโยบายการเงินที่เตรียมเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายมากขึ้นรวมถึงการเกิด Bitcoin Halving อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยบวก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่รออยู่เช่นกันที่ทำให้นักลงทุนไม่ควรจะมั่นใจมากเกินไป
การควบคุมของรัฐบาลสหรัฐฯยังคงมีอยู่
ดร. ณพวีร์ พุกกะมาน จาก Global Market Index Limited ชี้ ถึงแม้ว่า ก.ล.ต.สหรัฐฯจะอนุมัติจัดตั้ง Bitcoin ETF แต่ในเชิงนโยบายหลัก ยังคงมีการควบคุมดูแลตลาดคริปโตในประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่กรณีของ Binance แต่กำลังขยายการตรวจสอบไปยัง Exchange อื่นๆด้วยเช่นกัน คดีความต่างๆ ที่มีการฟ้องไปยังผู้ประกอบธุรกิจคริปโต อาจทำให้ตลาดมีความผันผวนในปีหน้าด้วยเช่นกัน
ตลอดจนปีหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ซึ่งยังไม่รู้ว่าตัวแทนของสองพรรคการเมืองจะมีนโยบายเกี่ยวกับด้านคริปโตอย่างไร ซึ่งหากได้ผู้นำที่มีมุมมองเชิงลบต่อคริปโตก็อาจจะเป็นปัจจัยลบที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
การกำกับดูแลของรัฐบาลอื่นๆทั่วโลก
ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯแต่ประเทศอื่นๆกำลังวางกรอบการกำกับดูแลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเช่นกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสหภาพยุโรป อังกฤษ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมถึงฮ่องกงและประเทศจีน ทำให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศเหล่านี้ก่อนหน้าที่จะมีการกำกับดูแล อาจเผชิญความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบรวมถึงปิดกั้นการเข้าถึงใบอนุญาตซึ่งอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนได้เช่นกัน
ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย
ถึงเวลานี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง (Recession) แต่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์จากที่ต่างๆยังไม่ปิดโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบ Soft Landing ในปี 2024 ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ดีในปีนี้มีการปรับฐานลง ซึ่งมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบไปยังตลาดคริปโตที่ในช่วงหลังมานี้มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระดับสูงที่อาจจะปรับฐานลงตามเช่นกัน
โดยรวมแล้ว ปัจจัยเสี่ยงหลักของตลาดคริปโตในปี 2024 คือการที่ผู้ประกอบธุรกิจจะเข้าสู่แนวทางของการกำกับดูแลมากยิ่งขึ้นต่างจากในอดีตที่มีอิสระในการพัฒนาเทคโนโลยีรวมถึงประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่ารัฐบาลทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐฯมีมุมมองเชิงบวกต่อคริปโตซึ่งไม่น่าที่จะกำกับดูแลอย่างเข้มงวดจนทำให้ขาดการพัฒนาและการเข้าถึงตลาด
ถ้าหากตลาดคริปโตผ่านช่วงเวลาในการตรวจสอบไปได้ คิดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตยิ่งขึ้นจากการที่ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์มตลอดจนเม็ดเงินจากการเงินดั้งเดิมจะเข้ามามากขึ้นทำให้ตลาดเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพโดยรวมแล้วน่าจะส่งผลดีในระยะยาวมากกว่าผลเสีย
เขียนโดย ดร. ณพวีร์ พุกกะมาน